blog

มารู้จักกับ 5 ประเภทของ MBA Essays ที่มักจะถูกถามเวลาทำ MBA Application กันค่ะ การเขียน Essay เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าผู้สมัครนั้นมีจุดเด่นแตกต่างจากผู้สมัครคนอื่นๆอย่างไรบ้าง ดังนั้นน้องๆ ควรจะให้ความสำคัญและแบ่งเวลาให้เหมาะสมกับการทำ Essay ด้วยค่ะ บทความนี้พี่ๆ แบ่งประเภทของ MBA Essay เป็น 5 แบบด้วยกันค่ะ 1. Goals Essayเรียกอีกอย่างว่า Why Essay โดยจุดประสงค์เพื่อให้ Admissions Committee เห็นแรงจูงใจของผู้สมัครในการสมัครเข้า MBA ว่าต้องการเข้ามาเรียนเพื่ออะไร และมีแผนที่จะนำความรู้ที่ได้จากการเรียนไปใช้ในอนาคตยังไงบ้าง เป็นต้นค่ะ 2. Self-Reflection Essay เป็นหมวดหมู่แบบกว้างๆ ให้ผู้สมัครเขียนเรื่องราวที่เกี่ยวกับตัวเอง โดย Essay ประเภทนี้น้องๆ จะต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับตัวเองให้ละเอียดเพื่อดึงจุดเด่นมาเขียนเป็นเรื่องราว ยกตัวอย่างคำถามประเภทนี้ หนึ่งใน essay questions จาก Kellogg ถามว่า ‘What values are […]

การเขียน Why MBA Essay ที่ดี จะทำให้ Admissions Committee เห็นว่าน้องมีการวางแผนอนาคตและมีเป้าหมายที่ชัดเจน โดยปกติแล้วแต่ละ Top-U จะมีข้อกำหนดในการเขียน essay ที่แตกต่างกันไป น้องจึงควรศึกษารายละเอียดให้ดีด้วย วันนี้พี่จะมาแนะนำโครงสร้างหลักในการเขียน Why MBA Essay ที่น้องๆ สามารถนำไปปรับใช้ได้กับทุก Top-U เลยค่ะ 1. เล่าเรื่องอดีต (Past)เริ่มต้นด้วยการเล่าถึงที่มาว่าอะไรทำให้น้องสนใจเรียน MBA อาจเริ่มต้นประโยคให้มีความน่าสนใจ เช่น การใส่ข้อมูลทางสถิติลงไป การตั้งคำถาม การใส่ quotes ของบุคคลที่มีชื่อเสียง ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่น้องต้องการจะสื่อ เป็นต้น 2. คิดเรื่องอนาคต (Future)ต่อมาให้น้องอธิบายว่ามีแผนที่จะทำอะไรต่อไปในอนาคต เริ่มจากกำหนดเป้าหมายระยะสั้น (Short-term goal) ให้ชัดเจน จากนั้นเขียนถึงเป้าหมายระยะยาว (Long-term goal) ซึ่งส่วนนี้จะวางแผนออกมาเป็นภาพกว้างๆก่อนก็ได้ แต่ควรเกี่ยวข้องกับเป้าหมายระยะสั้นและมีการอธิบายว่าจะทำอย่างไรเพื่อไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างมีขั้นตอน 3. บอกเล่าถึงปัจจุบัน (Present)ตอบให้ได้ว่าจะนำทักษะใดบ้างที่ได้จากการเรียน MBA ใน Top-U ไปใช้

 ชวนมาดู Master’s Degree ยอดนิยม ในสาย Business ที่ได้เงินเดือนสูงใน USA กันค่ะ ในภาพจะเป็นเงินเดือนที่ได้ต่อปี มีหน่วยเป็นดอลลาร์สหรัฐ (US Dollar) ทั้งนี้เงินเดือนที่ได้ยังขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรม (Industry) มหาวิทยาลัยที่เรียนจบมา ประสบการณ์การทำงานและตำแหน่งงานที่ทำด้วย โดยอุตสาหกรรมที่มีโอกาสเติบโตได้มากและได้เงินเดือนสูง ได้แก่ ด้านวิศวกรรม ด้านสาธารณูปโภค ด้านพลังงาน ด้านเทคโนโลยีและด้านการแพทย์แต่เงินเดือนที่ได้เป็นเพียงปัจจัยหนึ่งที่ใช้ในการตัดสินใจเรียนต่อเท่านั้น ดังนั้นน้องอย่าลืมศึกษารายละเอียดให้ครอบคลุมทุกด้านด้วยนะคะ ขอขอบคุณข้อมูลจาก mba.com รับเคล็ดลับเรียนต่อฟรี ส่งถึงมือทุกสัปดาห์  น้องๆที่จะสมัคร ไปเรียนต่อ MBA หรือ Master’s Degree สายอื่น อย่าพลาดปรึกษาฟรี!!!! คลิกเลย FREE CONSULTATIONฟังเรื่องราวความสำเร็จของนักเรียน MTU คลิกเลย

“ตอนเขียน Essay จะแบ่งการเขียนเรื่องงานเยอะแค่ไหนดี แล้วควรเขียนเรื่องกิจกรรมมากน้อยแค่ไหน?”ให้น้องๆมองจุดสำคัญอยู่ 2 เรื่อง 1. กลับไปดูคำถามใน Essayไม่ว่าจะเป็น Personal Statement หรือ Essay Questions กลับไปดูว่าจริงๆแล้วเค้าถามเรื่องอะไร 2. Theme ของน้องตรงนี้พี่มักจะย่อให้เป็น story ที่เราอยากทำให้โดดเด่น ซึ่งให้ดูเรื่องงาน เรื่องกิจกรรม เป็น 2 เรื่อง เรื่องไหนที่จะมา support theme ของเราได้ดีที่สุดพี่แนะนำให้มอง theme มากกว่า 2 เรื่อง แบ่งเป็น 3 มุม จะขอเรียกว่า ‘กฎสามเหลี่ยม AWA Story’ มุมที่ 1: A – Academic   ตอนที่เรียน เรามีประสบการณ์อะไรที่น่าสนใจที่จะโชว์ว่าเราโดดเด่นตรงไหน มุมที่ 2: W – Work   ใครทำงานมาแล้วก็ดูที่ประสบการณ์ทำงาน หรือใครที่ยังไม่ทำงาน ก็อาจดูจากประสบการณ์การฝึกงานก็ได้

Why MBA ใน Essay บางมหาวิทยาลัยก็ถามตรงๆเลยว่าทำไมอยากเรียน MBA บางมหาวิทยาลัยก็รวมให้ตอบอยู่ใน Goal Essay ยกตัวอย่างเช่น คำถามใน essay ของ Stanfordคำถามแรก What matters most to you and why? คำถามที่สอง Why Stanford? ซึ่งในคำถามตรงนี้ที่เราต้องใส่ว่าทำไมถึงอยากไปเรียน MBA ด้วย การตอบเรื่อง Why MBA นั้นสำคัญมาก และหลายๆคนก็มักพลาดตกม้าตายกัน บางคนตอบไม่โดนใจ Admissions ตอบไม่กระชับ ตอบไม่ตรงคำถามบ้าง พี่ๆ เลยมาสรุปให้เป็น 5 Ideal Answers สำหรับ WHY MBA ค่ะ คำถามที่ถ้าตอบแล้วบอกได้เลยว่า คนนี้เหมาะที่จะมาเรียน MBA และตอบ WHY MBA ได้ชัดเจนค่ะ 1. Career Change

ทำไมต้องมี โปรไฟล์ LinkedIn ให้โดดเด่น? เวลารับนักเรียนเข้ามหาวิทยาลัยทาง Admission แนะนำว่า ให้เสิร์ชชื่อผู้สมัครเข้าไปในGoogleเพราะส่วนใหญ่เวลาอ่าน resume แล้วยังไม่ค่อยชัดเจน เว็บแรกๆที่เปิดขึ้นมาคือ LinkedInอันนี้จึงเป็นความสำคัญที่พี่อยากให้น้องทำ LinkedIn ให้น่าสนใจ.7 เทคนิคทำโปรไฟล์ LinkedIn ให้โดดเด่น..#1 รูปภาพต้องเป็นภาพที่ดู Professional เช่นรูปถ่ายที่สตูดิโอหรือถ่ายจากโทรศัพท์แต่ใส่สูทและมีbackgroundที่น่าเชื่อถือ. #2 ต้องมี Headline ที่น่าสนใจ 2 บรรทัดแรก ไม่เกิน 30-40 ตัวอักษร ถ้าน้องทำงานอยู่ให้ใส่ตำแหน่งเช่นFund Manager เขียนให้ชัดเจน พี่แนะนำให้ไปดูของน้องเจนชื่อ Jane Saetent น้องเจนเป็นศิษย์เก่าMission to Top U.#3 อัพเดทไฮไลท์ Experience ต้องใส่ประสบการณ์ที่น่าสนใจเท่านั้น ใส่ Achievement ที่น่าสนใจทำให้เห็นว่ามี Actionยังไง แล้วมีResultsของงานที่ประสบความสำเร็จยังไง.#4 ใส่ Volunteer experience เข้าไปด้วย เช่นเราไปเป็น Volunteer กับมูลนิธิกระจกเงาอธิบายว่ามูลนิธิกระจกเงา มีหน้าที่อะไร ช่วยเหลือใคร

เซอร์ไพรส์ที่น่าตกใจ 10 เรื่อง จาก US News Rankings 2021 การจัดอันดับมหาวิทยาลัย Top U ใน US จาก US News Rankings 2021..2021 Best Business Schoolsอันดับ 1Stanford UniversityUniversity of Pennsylvania (Wharton).อันดับ 3Northwestern University (Kellogg)University of Chicago (Booth).อันดับ 5 Massachusetts Institute of Technology (Sloan).อันดับ 6Harvard University.อันดับ 7University of California Berkeley (Haas).อันดับ 8Columbia University.อันดับ 9Yale University.อันดับ 10New York University (Stern).US News Rankings

เกรด GPA ต่ำจะสมัคร Top U ยังไงดี? กลยุทธ์การสมัคร Top-U ด้วย Low GPA..#ส่วนที่ 1 admissions ดูทั้งตัวคะแนนของ GMAT GRE และ GPA ต้องไปด้วยกัน.#ส่วนที่ 2 อะไรที่เรียกว่าคะแนน GPA ต่ำ แค่ไหนที่เรียกว่าต่ำ ขึ้นอยู่ว่าสมัครโปรแกรมไหนและมหาวิทยาลัยไหน เช่น MBA ดู Class Profile ดูค่าเฉลี่ยของคนที่เข้าได้ ดูตัว GPA GMAT ดู WorkExperience แต่บางโปรแกรม เช่น Data Science, Business Analytics จะดู GPA มากกว่า MBAต้องการคนที่เกรดดี เพราะเรียนหนัก ให้เราไปดูค่าเฉลี่ยมหาลัยที่เราอยากเข้า ดูค่าเฉลี่ยของตัว GMAT GREด้วย.#ส่วนที่ 3 4กลยุทธ์ที่สามารถเข้า TOP U

เตรียมสอบ GMAT 700+ ทำยังไงเมื่อต้องทำงานไปด้วย 10 เทคนิคบริหารจัดการเวลา!! สำหรับคนที่ต้องสอบ GMAT GRE และยังต้องทำงานไปด้วย 1. Steady Plan ตั้งเป้าหมายคะแนน GMAT GRE มีเวลาเตรียมตัวแค่ไหน ลิสต์สิ่งที่ต้องอ่านออกมาแล้ว research ว่าแต่ละข้อสอบ เล่มไหนดัง เล่มไหนดี จะได้มี resource ที่ต้องอ่าน 2. เลือกเวลาอ่าน เวลาไหนที่เหมาะสมกับเรา ต้องตั้งให้เป็น routine เราจะได้มีระเบียบวินัยกับตนเอง 3. เขียนตารางเวลา แบ่งเวลาให้ชัดเจน ว่าเวลาไหนต้องทำอะไร 4. ให้เวลา 1-2 วันใน weekend ที่ไม่ต้องอ่านหนังสือ เพราะสมองจะได้พักผ่อนบ้าง 5. ขอเวลาจากครอบครัว เพื่อน หรือแฟน ให้เค้าเข้าใจว่าเราต้องอ่านหนังสือ 6. หาเวลาให้ตัวเองเพิ่มขึ้น เพื่อที่จะวางแผนการจัดเวลาอ่านหนังสือ 7. แบ่งเนื้อหาที่อ่าน เป็น 2 ฝั่ง ฝั่งที่ต้องเรียนรู้ใหม่ต้องใช้เวลาเยอะ

ทำไมต้องไปเรียน Masters in Finance at London Business School #1 London เป็น Finance Hub, Finance Capital ของโลก เป็นจุดศูนย์กลางทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นบริษัทที่เป็น Financial Firms ที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่ก็อยู่ที่นี่ ถ้าไปอยู่ตรงนั้นเรามีโอกาสได้งาน และได้ร่วมงานเรียนรู้งานกับคนเก่งๆ #2 London Business School หรือ LBS มีจุดเด่นเรื่องของ Finance เพราะ Ranking ของ LBS MIF อยู่อันดับ 1 หลายปี #3 เรื่องของ Network เพราะคลาสโปรไฟล์มาเรียนจากทั่วโลกคนที่มี Talent ที่อยากไปเป็น CSO หรือโตไปเป็น Financial Leaders จะมีอยู่ในหลายๆประเทศทั่วโลก ได้ Network ทางนี้ด้วย LBS MIF