คนสอบติดมีอะไรเหมือนกัน?


สวัสดีครับน้องๆ ทุกคน เมื่อสัปดาห์ก่อน พี่เมฆได้อ่านบทความหนึ่งของพี่รวิศ หาญอุตสาหะ เจ้าของเพจ Mission To The Moon เรื่อง “คนเก่งมีอะไรเหมือนกัน” จึงเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้พี่เมฆได้ตกผลึกว่า แล้วนักเรียนของเราทุกคนที่สอบติด Top U มีอะไรเหมือนกันบ้าง จนพบว่าพวกเขา …

ไม่ใช่แค่ Profile ดี หรือคะแนนสอบสูง
ไม่ใช่แค่โชคดี หรือมี Network/Connection
แต่เป็นนิสัยบางอย่างเล็กๆ ที่ทำอย่างสม่ำเสมอต่างหาก

สิ่งที่ดูเหมือนเล็กน้อยในชีวิตประจำวัน กลับเป็นสิ่งที่แยกผู้ที่สอบติดออกจากผู้ที่เกือบสอบติด พี่เมฆสรุปออกมาได้ 4 ข้อ ดังนี้

1. คนสอบติด คือ คนที่ออกแบบชีวิตตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ
ไม่ใช่แค่คนเก่งเท่านั้นที่สอบติด แต่คือคนที่รู้ว่าตัวเองอยากเป็นใครในอนาคต และยอมลงทุนกับชีวิตตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ ตัวอย่างเช่น น้องเจ (นามสมมติ) สอบติด MBA ที่ University of Cambridge ทั้งที่จบปริญญาตรีมาจากคณะนิเทศศาสตร์

ตอนปี 3 น้องเจเริ่มสนใจธุรกิจจริงจัง เพราะได้มีโอกาสร่วมทำโปรเจกต์เปิดร้านคาเฟ่เล็กๆ กับเพื่อน ซึ่งตอนแรกน้องรับหน้าที่ดูเรื่องคิด Caption และ Artwork ในการทำโพสต์ทาง Facebook และ IG แต่พอได้ลงมือจริง กลับหลงใหลการบริหารธุรกิจ โดยเฉพาะเรื่องการคิดกลยุทธ์การแข่งขัน การตั้งราคาขาย และการควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่าย เป็นต้น

จากความสนใจตรงนั้น น้องเจจึงออกแบบตารางชีวิตของตัวเองใหม่ ทั้งการลงแข่ง Case Competition ต่างๆ, เรียนคอร์สออนไลน์ด้านธุรกิจ, อ่านหนังสือด้าน Business เดือนละเล่ม, ติดตาม Podcast เกี่ยวกับการทำธุรกิจ พอเรียนจบ ก็เริ่มจากการทำงานประจำในสาย PR & Marketing ตามที่เรียนมาก่อน เพราะยังรู้ว่าสู้คู่แข่งที่จบมาตรงสายด้าน Business ไม่ได้ แต่พอทำไปสักพัก ก็ขอย้ายงานภายใน (Internal Rotation) ไปที่ฝ่าย Business Development และได้ใช้ความรู้ที่มีทาง Business นอกตำรามาช่วยบริษัทได้เป็นอย่างดี

การออกแบบเส้นทางชีวิตตั้งแต่เนิ่นๆ และเดินตามเส้นทางนี้มาตลอด 5 ปี ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่มหาวิทยาลัยมองเห็นได้ชัด และกลายเป็นจุดแข็งในใบสมัครที่ทำให้น้องเจสอบติดมหาวิทยาลัยในฝันได้สำเร็จครับ

2. คนสอบติด คือ คนที่ไม่พึ่งแรงบันดาลใจ แต่ใช้ระบบเป็นตัวขับเคลื่อน
แรงบันดาลใจอาจทำให้น้องๆ ได้เริ่ม แต่ระบบจะทำให้น้องๆ ไปถึงเส้นชัย หลายคนเวลาสอบ TOEFL, IELTS, GRE หรือ GMAT ช่วงแรกฮึกเหิมมาก แต่พอเหนื่อย ก็หยุด แล้วกลับมาใหม่ แล้วหายไปอีก กลายเป็นเดี๋ยวทำ เดี๋ยวเลิก

ในขณะที่คนสอบติดมักสร้างระบบที่ทำให้เรียนรู้ได้อย่างต่อเนื่อง เช่น เริ่มจากคิดว่าตัวเองเป็นคนมีสมาธิที่สุดตอนเช้าหรือตอนกลางคืน แล้วก็วางตารางอ่านหนังสือไว้ในเวลานั้นๆ ทุกวันไม่มีเว้น (ลง Calendar ไว้ในโทรศัพท์เลย), มีกล่องปิดเอาไว้เก็บโทรศัพท์เวลาต้องอ่านหนังสือ, พก Flash Card ไว้ในกระเป๋าทุกวันไว้อ่านเวลาเดินทาง, ตั้งเครื่องเสียงในรถยนต์ของน้องๆ ให้ต่อกับ Bluetooth บนมือถือตลอดเวลา เพื่อใช้เปิด Podcast ฝึกภาษาอังกฤษระหว่างขับรถไปทำงาน, หา Tutor เพื่อบังคับให้เราต้องฝึก ต้องไปเรียน ไม่งอแง เป็นต้น

ระบบพวกนี้ จะทำให้เราไม่ต้องคิดอะไรมาก ไม่ผลัด ไม่หนี ไม่มีคำว่า “เอาไว้ก่อน” หรือ “วันนี้เหนื่อย” เพราะระบบมันพาเดินหน้าให้เอง น้องๆ ลองใช้วิธีนี้ในการเตรียมสอบดูครับ พี่เมฆมั่นใจว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่เปลี่ยนไปในเวลาไม่นาน

3. คนสอบติด คือ คนที่ดูแลร่างกายและจิตใจของตัวเอง
หลายคนคิดว่าการสอบติดมหาวิทยาลัยระดับโลก ต้องอ่านหนังสือให้หนัก ติวให้เยอะที่สุด ทำกิจกรรมให้แน่นที่สุด จริงจังกับการเขียน Application หรือใบสมัครในส่วนต่างๆ ให้มากที่สุด แต่ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่แยกคนที่สอบติดออกจากคนที่สอบไม่ติด มักไม่ใช่คนที่หักโหม แต่เป็นคนที่ดูแลร่างกายและจิตใจของตัวเองอย่างดีต่างหาก

คนที่สอบติด มักเป็นคนที่รู้จักจัดการพลังชีวิตของตัวเองอย่างดี คนเหล่านี้ ไม่ใช้ชีวิตแบบหมดแรงต่อเนื่องหลายๆ วัน ไม่หักโหมจน Burnout แต่มีวินัยใน 4 เรื่องสำคัญ ทั้งการนอน การกินอาหารที่ดี การออกกำลังกาย และรู้วิธีจัดการความเครียดอย่างมีประสิทธิภาพ

คนที่สอบติด รู้ว่าพลังงานกายและใจคือต้นทุนที่สำคัญที่สุดในการเตรียมตัวสมัคร เพราะส่งผลต่อสมาธิในการสอบ การคิดวิเคราะห์ ความคิดสร้างสรรค์ในการเขียน Resume, Essay ไปจนถึงการสอบสัมภาษณ์ … คนที่พังจากภายใน ไม่มีวันสอบติด

น้องๆ ที่สอบ GMAT หลายๆ ครั้ง เคยสังเกตมั้ยครับ ว่าทำไมบางครั้งเราไปสอบแล้วคะแนนแต่ละครั้งแตกต่างกันมาก บางครั้งคะแนนตกลงเยอะจากครั้งก่อนหน้าด้วย ทั้งที่เราก็ตั้งใจเรียนรู้เตรียมสอบอย่างต่อเนื่อง พี่เมฆขอยกตัวอย่างของน้องวี (นามสมมติ) น้องวีเคยเล่าให้พี่ฟังว่า ช่วงเตรียมสอบ GMAT เขาอ่านหนังสือหนักมาก วันธรรมดาแม้จะเหนื่อยจากการทำงาน ก็อ่านประมาณ 3 ชั่วโมง นอนตีหนึ่งตีสอง ส่วนเสาร์-อาทิตย์ ก็แทบจะอ่านทั้งวัน แต่พอไปสอบมาครั้งแรกคะแนนน้อยมากจนน่าตกใจ พอไปครั้งที่ 2 คะแนนก็เพิ่มขึ้นมาไม่เยอะ

พี่เมฆและทีม Mission To Top U เลยพาน้องวีมาทบทวนและรื้อระบบการดูแลสุขภาพกายและใจของตัวเองใหม่หมด โดยปรับให้น้องตั้งเวลาอ่านหนังสือไม่ให้หักโหมเกินไปจนรู้สึกเกินพอดี, นอนไม่ดึกมาก (เช่น ห้าทุ่ม), ทานอาหารที่มีประโยชน์ (เช่น ทานผัก ผลไม้ ลดอาหารมัน), ออกกำลังกาย (น้องชอบ Jogging อยู่แล้ว พี่เมฆแนะนำให้ไปตอนเช้าก่อนไปทำงานสัก 30 นาทีทุกวัน และเวลาที่เครียดๆ ก็แนะนำให้ไป Sound healing)

ในการสอบครั้งที่ 3 ด้วยกายที่แข็งแรง และจิตใจที่นิ่งขึ้น น้องสอบได้คะแนนสูงมาก จนได้ใช้คะแนนครั้งนี้ยื่นมหาวิทยาลัยในฝันครับ

4. คนสอบติด คือ คนที่มี “Quiet Time”
Bill Gates ใช้เวลา 2 สัปดาห์ในแต่ละปี ปลีกวิเวกในกระท่อมกลางป่า ไม่มีสิ่งรบกวนใดๆ ทั้ง Computer และมือถือ ทุกอย่างเป็น Analog หมด เพื่อใช้เวลาที่อยู่คนเดียวในการ Reflect ตัวเอง อ่านหนังสือ ทำสมาธิ จนหลายๆ ครั้งเขามักกลับมาพร้อมไอเดียที่ยิ่งใหญ่แก่ Microsoft

คนที่สอบติด Top U หลายๆ คนก็ทำลักษณะคล้ายกัน อาจไม่ถึงขั้นต้องหา Resort ปลีกวิเวกกลางป่าแบบ Bill Gates แต่ในช่วงที่เราปั้น Profile และเขียน Application ด้วยกัน พี่ๆ Mission To Top U มักจะให้น้องๆ ใช้เวลาเงียบๆ ในแต่ละสัปดาห์ อยู่คนเดียว ปิดโทรศัพท์ ปิด Computer แล้วถามตัวเองว่า

– ทำไมเราอยากเรียนสาขานี้?
– อาชีพที่อยากทำคืออะไร? เพราะอะไร?
– ทำไมอยากเรียนมหาวิทยาลัยนี้?
– จุดขายของเราคืออะไร?
– จุดอ่อนของเราคืออะไร?
– เหตุผลที่ย้ายงานจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง?
– เราจะ Contribute อะไรให้มหาวิทยาลัย?
– และอื่นๆๆ

แล้วก็มา Brainstorm กันกับพี่ๆ อย่างต่อเนื่อง พร้อมรับการบ้านสำหรับสัปดาห์ถัดไป ซึ่งคำตอบเหล่านี้ที่น้องๆ และพี่ๆ Mission To Top U ช่วยกันคิดนี่แหละ ที่ทำให้ Resume, Essay, Interview ของน้องทรงพลังและมีชีวิต ไม่ใช่เขียนให้ภาษาสวย แต่ไร้หัวใจ

กล่าวโดยสรุป สิ่งที่คนสอบติด Top U มีเหมือนกัน คือคนเหล่านี้เตรียมพร้อมมาก่อนล่วงหน้าเนิ่นๆ โดยมีการ Set ระบบดูแลร่างกาย จิตใจ ให้สมดุล ซึ่งถ้าวันนี้ น้องๆ ยังไม่ได้เริ่ม ก็เริ่มได้เลย เปลี่ยน Default ของชีวิตทีละนิด จากที่ใช้ชีวิตไปวันๆกลายเป็นคนที่ออกแบบระบบให้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย จากที่ไม่เคยดูแลสุขภาพ ก็เริ่มหันมาให้ความสำคัญ จากที่มี Distraction มากมาย ก็เริ่มหาเวลาอยู่กับตัวเอง

ในไม่ช้า น้องๆ จะต้องสอบติดได้ตามความฝันครับ แต่ถ้าน้องๆ ไม่แน่ใจว่าจะเริ่มจากตรงไหน พี่เมฆและ Mission To Top U ก็ยินดีช่วยน้องๆ ออกแบบเส้นทางชีวิตที่เหมาะสมให้นะครับ นัดปรึกษาฟรีได้เลย
รับเคล็ดลับเรียนต่อฟรี ส่งถึงมือทุกสัปดาห์ 
น้องๆที่จะสมัคร ไปเรียนต่อ MBA หรือ Master’s Degree สายอื่น อย่าพลาด
ปรึกษาฟรี!!!! คลิกเลย FREE CONSULTATION
ฟังเรื่องราวความสำเร็จของนักเรียน MTU คลิกเลย

Scroll to Top