- Home
- เรียนต่อหรือพอแค่นี้?
เรียนต่อหรือพอแค่นี้?
หลังจบปริญญาตรี เราควรไปต่อ MBA/Master’s ไหม? .. แน่นอนว่า การเรียนต่อนั้น ไม่ใช่ทางเดียวที่จะทำให้ชีวิตเราประสบความสำเร็จ และการ “ไม่เรียน” ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้ชีวิตล้มเหลว ตัวอย่างเช่น Mark Zuckerberg (Facebook), Steve Jobs (Apple), และ Jack Ma (Alibaba) ต่างก็ไม่เคยเรียนต่อปริญญาโท แต่ก็สร้างบริษัทระดับโลกได้ แต่ในบางช่วงเวลา การตัดสินใจลงทุนไปเรียนต่อ MBA/Master’s อาจกลายเป็นหนึ่งในการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตก็เป็นได้ ซึ่งคงไม่ได้มีคำตอบตายตัวสำหรับทุกคน แต่ถ้าเรามีอย่างน้อย 1 ใน 4 เหตุผลนี้ ก็น่าจะพอบอกได้ว่า ควรไปเรียนต่อ MBA/Master’s แล้วครับ
1. อยากทำงานต่างประเทศ
การที่เราเรียนจบปริญญาตรีจากประเทศไทย แล้วอยากไปทำงานต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ ยังพอเป็นไปได้ แต่ถ้าจะไปสมัครงานที่อเมริกาหรืออังกฤษเลย โอกาสแทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะมีข้อจำกัดมากมาย เช่น ต้องมีการ Networking / Coffee Chat เพื่อหางาน, บริษัทต้องยอม Sponsor วีซ่าให้เรา, ต้องแข่งกับคู่แข่งคนพื้นที่ที่จบมหาวิทยาลัยดังๆ ตอนปริญญาตรีและเข้าใจตลาดมากกว่าเรา เป็นต้น
ดังนั้น การเรียนต่อในประเทศที่เราอยากทำงานเป็น “ทางลัด” ที่ดีที่สุด เพราะเราจะได้เรียนในสถาบันที่มีชื่อเสียง ขณะเรียน ก็สามารถทำ Networking/Coffee Chat เพื่อหางานได้อย่างสะดวก ซึ่งโรงเรียนส่วนใหญ่ก็มี Career Center ช่วยเรื่องการสมัครงานเต็มที่ นอกจากนี้ ทั้งอเมริกาและอังกฤษมีวีซ่าให้นักเรียนต่างชาติสามารถทำงานต่อได้ เช่น อเมริกามีวีซ่าแบบ OPT ทำงานได้ 1-3 ปี หลังเรียนจบ MBA/Mastsr’s ส่วนอังกฤษ มี Graduate Route Visa ทำงานได้ 2 ปี หลังจบ MBA/Master’s
ขอยกตัวอย่างหนึ่งที่ Mission To Top U ดูแลครับ น้องเจน เรียนจบสาขาวิศวกรรมศาสตร์ในไทย ฝันอยากทำงานที่อเมริกา แต่หางานไม่ได้ จึงทำงาน Consultant ด้าน Technology ใน Big 4 ที่ไทยไปก่อน หลังทำงาน 4 ปี น้องได้มาเจอพี่ๆ Mission To Top U พี่ๆ ได้แนะนำให้น้องสมัคร MBA ที่ Kellogg เพราะมหาวิทยาลัยนี้ส่งนักเรียนไปทำงานสาย Tech ค่อนข้างเยอะ และน้องชอบ Curriculum กับ Culture ของที่นี่
ตั้งแต่เรียนวันแรก น้องก็เริ่มหางานเลย หลังจากฝ่าฟันขั้นตอนการสมัครแบบเข้มข้นก็ได้ทำ Internship ในช่วง Summer ระหว่างปี 1 และปี 2 ที่บริษัท Tech ชื่อดังระดับโลก และทำงานดีจนได้รับ Offer ให้ทำงาน Full-time จนทุกวันนี้ น้องก็ทำงานสร้างและบริหารนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ระดับโลกมานานกว่า 4 ปีแล้ว จากเด็กธรรมดาๆ ในไทย สู่ผู้สร้างนวัตกรรมในบริษัทระดับโลก เพราะการเรียนต่อ MBA ครับ
2. อยากเปลี่ยนสายงาน
ถ้าเรารู้สึกว่า ไม่อยากทำงานในสาขาที่เรียนมา MBA/Master’s สามารถเป็นเครื่องมือที่ช่วยเปลี่ยนสายงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะ MBA/Master’s ไม่ได้สอนแค่ทฤษฎี แต่สอนแบบปฏิบัติจริง มีการลงมือทำ Case Study จริง เจอคนหลากหลายจากหลายสายงาน ช่วยเปิดโลกและเพิ่มโอกาสใหม่ๆ ได้จริง นอกจากนี้ บางสายงาน เช่น Management Consulting ระดับโลก (McKinsey, Bain, BCG) บอกเลยว่า MBA/ Master’s เป็นสิ่งจำเป็นในการรับเข้าทำงานและการเติบโตภายในองค์กร
พี่ไผ่ (Co-founder ของ Mission To Top U) จบ BBA ที่ NUS และทำ Marketing ที่ P&G แต่พอรู้ตัวว่าอยากเปลี่ยนสายไป Consulting ก็ตัดสินใจไปเรียน MBA ที่ Kellogg และได้งานที่ BCG ทำไปสักพักใหญ่ๆ ก่อนจะมาก่อตั้ง Mission To Top U ร่วมกับพี่เมฆและ Co-founder คนอื่นๆ ถ้าอยากเปลี่ยนเส้นทางชีวิต MBA/Master’s เปรียบเหมือนสะพานให้ก้าวผ่านอย่างมีชั้นเชิงครับ
3. อยากเติบโตก้าวกระโดดในสายงานเดิม
การทำงานเก่งอย่างเดียวอาจไม่พอถ้าอยากโตเร็ว เพราะถ้าเรามี Skill แบบเดิม ก็อาจต้องใช้เวลานานกว่าจะไต่ขั้นบันไดในสายงานได้ MBA/Master’s จะเป็นตัวเร่งที่ช่วย Upskill เพิ่มทักษะใหม่ในเวลาไม่นาน น้องไอซ์ (นามสมมติ) เรียนจบ BBA Thammasat Major Accounting และ Minor Finance เคยไปฝึกงานสาย Auditor แล้วไม่อิน เลยเปลี่ยนไปทำ Investment Banking ตำแหน่ง Analyst ที่บริษัทวาณิชธนกิจเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทำได้สักพัก น้องได้รับการโปรโมทเป็นตำแหน่ง Associate แต่พบว่าความรู้ที่มี สู้เพื่อนที่จบ Finance โดยตรงไม่ได้ เลยเริ่มกังวลว่าจะเติบโตในสายงานได้ช้า
น้องจึงตัดสินใจเรียน Master in Finance ที่ London Business School หลังเรียนจบ น้องก้าวกระโดดในตำแหน่งทันที โดยข้ามขั้นจาก Associate เป็น Vice President เลย และได้ทำงานในบริษัทวาณิชธนกิจขนาดใหญ่กว่าเดิมมาก นอกจากนี้ ฐานเงินเดือนยังเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า
4. อยากสร้าง Network ระดับนานาชาติ
การเรียนต่อต่างประเทศ ไม่ได้มีค่าแค่เนื้อหาวิชาที่ได้จากการเรียน แต่น้องๆ จะได้พบปะเพื่อนหลากหลายเชื้อชาติ หลากหลาย Background ที่เป็นความสัมพันธ์กันตลอดชีวิต คนเหล่านี้ สามารถช่วยเราได้ ไม่ใช่แค่เรื่องงาน แต่อาจจะชวนกันไปต่อยอดทำธุรกิจร่วมกันได้
ตัวอย่างเช่น พี่ได๋ ญาดา Co-founder ของ Ajaib ซึ่งเป็น Startup แพลตฟอร์มการลงทุนยักษ์ใหญ่ระดับยูนิคอร์นของอินโดนีเซีย ก็รู้จักกับ Co-founder อีกท่าน นั่นก็คือคุณ Anderson Sumarli เมื่อครั้งที่เรียนที่ Stanford MBA ด้วยกัน ตัวพี่เมฆเอง ได้ทำ Mission To Top U ช่วยน้องๆ สอบติดหลากหลายสาขากว่า 1,000+ offers มากว่า 9 ปีแล้ว ก็เพราะได้ร่วมกับเพื่อนๆ ที่เรียน MBA ด้วยกันจากหลากหลายโรงเรียน เช่น พี่ตั้ม Harvard MBA, พี่ไผ่ Kellogg MBA, พี่เจส Kellogg MBA เป็นต้น มาร่วมกันผลักดันน้องๆ คนไทยให้ไปมหาวิทยาลัยระดับโลกให้ได้ บางครั้งโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุด อาจไม่ได้มาจากความรู้ในชั้นเรียน แต่มาจากเพื่อนร่วมรุ่นของเราครับ
แล้วเรื่องค่าใช้จ่ายล่ะ? แน่นอนว่าการเรียนต่อต่างประเทศคือ การลงทุนที่มีต้นทุนสูงมาก แต่วันนี้โอกาสในการขอทุนไม่ได้อยู่ไกลเกินเอื้อมเลยครับ เช่น หลายๆ มหาวิทยาลัยมีทุนค่าเรียนให้ โดยที่ผ่านมา น้องๆ ของ Mission To Top U เกินกว่าครึ่งได้ทุนตั้งแต่ 700,000–4,000,000 บาท เรียกได้ว่า น้องๆ หลายคนเรียนฟรี จ่ายเองแค่ค่ากินอยู่
นอกจากนี้ ยังมีทุนของรัฐบาล เช่น Chevening (สหราชอาณาจักร) และ Fulbright (อเมริกา) ที่ช่วยสนับสนุนค่าเรียน และค่ากินอยู่ รวมทั้งทำให้เรามีเพื่อนในเครือข่ายนักเรียนทุนกว้างขวางระดับโลกอีกด้วย ทุนอีกประเภทคือ ทุนองค์กรไทย เช่น SCB, KBANK, BBL, Bangchak, SCG, SET, SEC ที่ให้เรียนฟรี กินอยู่ฟรี แทบไม่ต้องจ่ายอะไรเลย
ตัวอย่างเช่น พี่เมฆเอง เคยได้ทุน SCB ไปเรียนที่ Duke MBA, พี่ตั้ม (Associate Partner ที่ Mission To Top U) ได้ทุน PTT ไปเรียนที่ Harvard MBA, และพี่เต้ (Associate Partner ที่ Mission To Top U) ได้ทุน KBANK ไปเรียน MSBA ที่ Columbia เป็นต้น
ถ้าวางแผนตั้งแต่เนิ่นๆ ทำโปรไฟล์ให้แข็งแรง โอกาสเรียนฟรีโดยไม่ต้องเสียสักบาท หรือออกเงินเองแค่นิดเดียว ก็เป็นไปได้จริงครับ โดยสรุปแล้ว การเรียนต่อ MBA/Master’s อาจไม่ใช่ทางที่ทุกคนต้องเลือก แต่สำหรับบางคน มันคือบันไดที่ช่วยให้น้องๆ ปีนไปยังเป้าหมายที่คนอื่นๆ อาจต้องใช้เวลาทั้งชีวิตกว่าจะปีนถึงครับ
รับเคล็ดลับเรียนต่อฟรี ส่งถึงมือทุกสัปดาห์
น้องๆที่จะสมัคร ไปเรียนต่อ MBA หรือ Master’s Degree สายอื่น อย่าพลาด
ปรึกษาฟรี!!!! คลิกเลย FREE CONSULTATION
ฟังเรื่องราวความสำเร็จของนักเรียน MTU คลิกเลย
[elementor-template id=”1189″