- Home
- โปรแกรม Master of Finance MIT เรียนอะไรบ้าง?
โปรแกรม Master of Finance MIT เรียนอะไรบ้าง?
ใครอยากไปเรียนต่อ Master of Finance กำลังหามหาวิทยาลัยอยู่ วันนี้พี่ๆ จะมาสรุปโปรแกรม Master of Finance ที่ MIT Sloan ให้ฟังค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Curriculum, Class Profile, Admission Requirements
เริ่มแรกจุดเด่นของ Curriculum ต้องบอกว่าเป็นโปรแกรมที่มี Flexibility สูง คือเราสามารถออกแบบและเลือกระยะเวลาในการเรียนได้ ไม่ว่าจะเป็น 12 เดือน 18 เดือนหรือจะเลือกเรียนปีครึ่งก็ได้นะคะ ถ้าเลือกเรียน 1 ปีก็จะเริ่มตั้งแต่ July จนถึง June เรียนทั้งหมด 4 Quarter หรือจะเรียนแบบปีครึ่ง จะเริ่มตั้งแต่ July แล้วจะไปจบประมาณ February ค่ะ
สิ่งที่แตกต่างก็คือ แบบ 12 เดือนจะเน้นในการเรียนเป็นคอร์ส เป็นโปรแกรม เป็นวิชานะคะ ส่วนแบบเรียน 18 เดือน 2 เทอมที่เพิ่มมาจะมีเทอมนึงที่จะให้ไป internship กับบริษัทเลย แล้วอีกเทอมเราจะได้มีโอกาสลงเรียนคอร์สอื่นๆ ที่เราสนใจเพิ่มเติมค่ะ ซึ่งไม่ว่าจะเรียนโปรแกรม 12 เดือนหรือ 18 เดือน เราก็จะต้องมีการทำ thesis ด้วยนะคะ
จุดเด่นของ Curriculum พี่ๆ ขอสรุปให้ตามนี้
มี Concentration ที่น่าสนใจมาก มีให้เลือกถึง 3 Concentration เลย
- อันแรกก็คือ Capital Market จะได้เรียนเกี่ยวกับ Fund Management, Asset Management, Fixed Income, Debt Investment, Equity Investment ต่างๆ เหมาะสำหรับคนที่อยากเป็น Fund Manager ฝ่ายจัดการกองทุน
- ต่อมาใน Concentration ที่ 2 จะเป็น Corporate Finance อันนี้เหมาะกับคนที่อยากจะต่อยอดไปทำสาย Investment Banking, Private Equity หรือ Venture Capital ตัวอย่างของวิชา Elective ของ Concentration นี้ เช่น Entrepreneurial Finance and Venture Capital, Advanced Corporate Finance รวมถึง Corporate Financial Strategy ซึ่งเกี่ยวกับการดูกลยุทธ์ทางการเงินขององค์กร และมีคลาส Mergers, Acquisitions and PE และ Healthcare Finance ด้วย สำหรับบางคนที่อยากจะไปทำ Firm ที่เป็น VC หรือว่า PE ที่เน้นลงทุนในเรื่องของ Healthcare ค่ะ
- Concentration ที่ 3 จะเป็น Concentration ที่เข้มข้นเลยค่ะ คือ Financial Engineering จะเน้นสำหรับคนที่อยากทำสาย Financial Engineering งานที่ทำก็คือจะไปเป็น Fund Manager ที่เน้นเป็น Quantitative Funds เป็น Fund ที่เทรดโดยการยกตัวอย่าง เช่น การทำ Stats, การ Develop โค้ด หุ่นยนต์หรือ Machine Learning ขึ้นมาแล้วเอามาทำโปรแกรม Trading แล้วเอาไปเทรดในตลาดแบบ Quantitative ตัวอย่างคอร์สที่เรียนจะมี Financial Engineering, Advanced Analytics of Finance, Options and Futures Markets, Financial Data Science and Computing คลาสบางคลาสก็จะมีวิชาที่ใกล้กับของ Capital Market ด้วย เช่น Asset Management, Investment และ Financial Market ก็ลองดูนะคะว่าอันนี้สามารถทำให้เรามีตัวเลือกได้หลากหลายเลยค่ะ
- การเตรียมตัวสำหรับการหางาน เวลาไปเรียนที่อเมริกาเค้าจะไม่ได้มี Mindset เหมือนคนไทยนะคะว่าไปเรียนเพราะอยากไปเรียน เค้าไปเรียนเพื่ออยากจะเปลี่ยนสายงานหรือไปเรียนเพื่ออยากจะเปลี่ยนไปเรื่องงานไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่ง MIT เค้าก็เตรียมความพร้อมเรื่อง Career ตั้งแต่ quarter แรกที่เราไปเรียน เค้าจะมี Career Bootcamp เป็นหนึ่งใน Curriculum เลยซึ่งเป็นเหมือน Information Session ให้คนมาพูดว่าแต่ละสายงานเป็นยังไง เอาบริษัทดังๆ หรือ Fund ต่างๆ ที่อยู่ในอเมริกาเข้ามาพูดที่ Campus เลยเพื่อแนะนำให้น้องๆ เห็นว่าอยากจะทำงานด้านไหน นอกจากนี้ยังเป็นการ Connect เรากับ Recruiter ด้วยนะคะ
- เป็น Curriculum ที่เน้น Action-based Learning Courses คือไม่ได้เรียนแค่ทฤษฎีแต่เน้นการลงมือทำด้วย แบ่งเป็น 2 กลุ่ม 1) กลุ่มที่ทำสัมมนาใหญ่ๆ แล้วมาถกกันในคลาส เป็นการเรียนด้วยกรณีศึกษา 2) การทำ Finance Research Practicum ที่ MIT ก็มี Professor ดังๆ หลายคนเลยค่ะ
- ได้ STEM ด้วย – การที่ได้ STEM หมายความว่าถ้าเราเรียนจบจากที่นี่แล้วไปทำงานที่เกี่ยวกับ STEM เราสามารถมีวีซ่าทำงานได้ 3 ปีค่ะ
- Renowned Faculty – มีคณะอาจารย์ที่มีชื่อดังระดับโลก ต้องบอกว่าอาจารย์ที่ MIT Sloan สาขา Finance มีหลายท่านที่ได้รางวัล Nobel จากการ Develop โมเดลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Black-Scholes Model ซึ่งเป็นโมเดลเกี่ยวกับการทำ Derivatives หรือ Modigliani–Miller theorem (M&M) ที่ทำในเรื่องของ Corporate Finance เรื่องของ Asset Evaluation ก็เป็นอาจารย์ที่ได้รับรางวัล Nobel และสอนอยู่ที่ MIT Sloan เหมือนกันค่ะ อาจารย์เหล่านี้จะมาคอยช่วยดูเวลาเราทำ thesis เวลาเราทำ Independent Study ทางด้าน Finance Research นะคะ
เรามาดูว่า Class Profile เค้าจบจากที่ไหนกันบ้าง
สำหรับ Undergrads จะมีด้วยกัน 4 สายหลักๆ เลยค่ะ
- กลุ่มแรก คือ คนที่เรียนสายคณิตศาสตร์เลยหรือคนที่มาจากสายวิทยาศาสตร์ 34%
- กลุ่มที่ 2 คือ คนที่เรียนมาเกี่ยวกับสายธุรกิจ Business Commerce 30%
- กลุ่มที่ 3 คือ คนที่เรียนสาย Economics เศรษฐศาสตร์ 22%
- กลุ่มสุดท้าย คือ กลุ่มคนที่เรียนสายวิศวกรรมศาสตร์ Engineering ประมาณ 10%
Admission Requirements มีอะไรบ้าง?
เริ่มจาก Background ก่อนเลย ทางมหาวิทยาลัยเค้าจะบอกไว้เลยว่า Prefer คนที่มี Background ค่อนข้าง strong ในด้าน math ใน Transcript ของเราควรจะต้องมีบอกว่าเราเคยเรียน math เรียนแคลคูลัส หรือเรียน Stats มาด้วยนะคะ และตอนที่ทำ Application ก็ต้องมี Resume และ Essay ด้วย ซึ่ง Essay แบ่งเป็น 2 แบบ คือ
- Short Answer Essay แบ่งเป็น 3 คำถาม คำถามละ 200 คำนะคะ
- Video Essay ตัวนี้แหละเป็นส่วนที่ค่อนข้าง Challenging สำหรับน้องหลายๆ คน โดยจะมี 2 คำถาม คำถามละ 60 วินาที ซึ่งจะเป็น Portal ที่ให้เราเข้าไปแล้วจะมีลิ้งค์แสดงคำถามขึ้นมาแล้วให้เราพูดตอบ อัดเสียงใส่เข้าไปในคอมพิวเตอร์เลย
- คำถามแรกจะเป็น Self Introduction 60 วินาที ซึ่งเราต้องมาคิดว่าเราจะแนะนำตัวยังไงให้โดดเด่นและแตกต่างจาก Essay ทั้ง 3 ข้อที่เราเขียนไปแล้ว
- Video Essay อันที่ 2 จะเป็นส่วนที่เราต้องฝึกให้เข้มข้นเลย เพราะเป็น Essay ที่เป็นการสุ่มคำถาม (Randomly Selected Question) โดยเราจะมีเวลาเตรียมตัวประมาณ 40 ถึง 60 วินาทีแล้วเราค่อยตอบคำถามอีก 60 วินาทีนะคะ ซึ่งน้องๆ ที่เคยเข้าไปเรียนในโปรแกรมนี้ เค้าก็ได้รับคำถามที่มี Logic หน่อยหรือเป็นคำถามที่เกี่ยวกับประสบการณ์ของเรา ให้เราเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับ Accomplishments ของเราหรือเล่าประสบการณ์ที่เป็น Challenging Experience เป็นต้น
มาดูต่อในเรื่องของ Letters of Recommendation
ในส่วนนี้จะแตกต่างกับ MBA ที่โดยปกติจะขอแค่ 2 ฉบับ แต่ของที่นี่จะขอ Letter of Recommendation ทั้งหมด 3 ฉบับเลย
- ฉบับแรกจะขอจาก Professor หรือคนที่มาจากสาย Academic ทางมหาวิทยาลัยเค้าอยากได้หลักฐานว่าเรามีความสามารถในการ Research หรือการเรียนได้
- ฉบับที่ 2 จะขอจากคนที่ทำงานได้ คนที่เกี่ยวข้องกับ Work Experience ของเรา
- ฉบับที่ 3 ทางมหาวิทยาลัยให้เป็น Optional ซึ่งจะให้เราเลือกว่าจะขอจากคนที่มาจากสาย Academic หรือคนจากที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของเราก็ได้
พี่ๆ มองว่าจุดเด่นของ Master of Finance ที่ MIT Sloan ก็คือการมี Flexibility สูง นอกจากนี้ยังเป็นโปรแกรมที่ Elite และยังได้ Network ของ Alumni ซึ่ง MIT Sloan เค้าไม่ได้สนิทกันแค่ภายใน Master of Finance แต่เรายังสามารถเข้าร่วมคลับของทาง MBA ได้ด้วย หรือกลุ่มเพื่อนเรา กลุ่ม Alumni ของคนไทยเองก็มีทั้งคนที่เรียน MBA เรียน Master of Finance แล้วก็มีคนที่เรียน MIT Engineering ด้วย ถือว่าได้ Network Alumni ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียวค่ะ เป็นโปรแกรมที่แนะนำสำหรับคนที่กำลังดู Master of Finance อยู่นะคะ
รับเคล็ดลับเรียนต่อฟรี ส่งถึงมือทุกสัปดาห์
น้องๆที่จะสมัคร ไปเรียนต่อ MBA หรือ Master’s Degree สายอื่น อย่าพลาด
ปรึกษาฟรี!!!! คลิกเลย FREE CONSULTATION
ฟังเรื่องราวความสำเร็จของนักเรียน MTU คลิกเลย
บทความที่เกี่ยวข้อง
Top scholarships masters usa ทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนไทยที่ต้องการเรียนต่อโทที่อเมริกา
Top scholarships masters usa ทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนไทยเรียนต่อโทที่อเมริกา ทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนไทยที่ต้องการเรียนต่อโทที่อเมริกา ทุนเรียนโทที่อเมริกาสำหรับคนไทยมีหลายแบบ ทั้งจากรัฐบาลไทย รัฐบาลอเมริกา มหา’ลัยในอเมริกา และองค์กรเอกชน แต่ละทุนมีเงื่อนไขต่างกัน บางทุนต้องใช้ทุน บางทุนไม่ต้อง บางทุนให้เต็มจำนวน บางทุนให้บางส่วน สำคัญคือต้องเตรียมตัวให้พร้อมทั้งเกรด ภาษา และประสบการณ์พิเศษ แล้วก็ต้องหาข้อมูลทุนให้ละเอียด เลือกให้เหมาะกับตัวเอง ยิ่งโดดเด่นยิ่งมีโอกาสได้ทุนเยอะ สารบัญ ทุนรัฐบาลไทย :
EP38: ทำ Linkedln ให้โดดเด่นเพื่อสมัคร MBA
Admissions มักจะเช็ค LinkedIn ของผู้สมัครเสมอ แชร์ทิป 7 ข้อเพื่อทำ LinkedIn ให้ประทับใจคณะกรรมการคัดเลือกนักเรียน ครูพี่เจส ภัคศิกร ทับทิมทอง อดีต Admissions Committee ที่ Kellogg, Northwestern University และเป็นผู้บริหารบริษัท Mission To Top U TopU
EP14: ไปงาน ADMISSION ของ TOP U เตรียมตัวยังไง
ช่วงเดือนสิงหาคม กันยายน เป็นช่วง High Season ที่มหาวิทยาลัยจะบินมาจัดงาน Information Session หรือศิษย์เก่าจะจัด Alumni Event เพื่อโปรโมทโรงเรียนกันค่ะ คำถามคือ น้องๆจะต้องทำตัวยังไง ฟังคลิปนี้ แชร์ 3 สิ่งที่ควรทำตอนไปงาน เพื่อสร้างความประทับใจค่ะ ครูพี่เจส ภัคศิกร ทับทิมทอง อดีต Admissions Committee