blog

Topic: 3 มหาวิทยาลัย Top MBA ในเอเชีย ถ้าอยากไปเรียนต่อ MBA ในเอเชีย มีที่ไหนแนะนำบ้าง? Top MBA ที่แนะนำ พี่ๆเห็นว่ามี ranking ที่ดี นอกจากนั้นโปรแกรมพวกนี้ยังมี partnership กับ Top MBA ในอเมริกาและยุโรปด้วย หมายความว่า ถ้าเราเรียน MBA ในมหาวิทยาลัยเอเชียพวกนี้เราจะมีโอกาสไปแลกเปลี่ยน MBA ของต่างประเทศด้วย ไม่ว่าจะเป็น Wharton, Kellogg, Berkeley Haas, UCLA, London Business School ในขณะที่เราจ่ายค่าเรียนถูกกว่าพอสมควรเลยค่ะ เพราะ MBA ในเอเชีย ค่าเรียนเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2-3 ล้านกว่าบาท (ไม่รวมค่าที่พัก ค่าอาหาร). มาดูกันว่า 3 มหาวิทยาลัย Top MBA ในเอเชีย ที่พี่ๆแนะนำมีที่ไหนกันบ้าง #1 มหาวิทยาลัย

Top MBA in Finance ทำความเข้าใจ Finance สาขาต่างๆ 1.วาณิชธนกิจ ( Investment Banking  ) 2. การบริหารจัดการลงทุน ( Investment Management / Fund Management ) 3. ไพรเวทอิควิตี้ ( Private Equity หรือ Venture Capital ) 4.การเงินธุรกิจ ( Corporate Finance ) Top Business School in Finance 1.Wharton 2.NYU Stern 3.Columbia 4.Chicago Booth 5.Stanford อยากเรียนด้านการเงิน (Finance) แต่เลือกไม่ถูกว่าจะเรียนสาขาอะไรดี มหาลัยไหนดี ครูพี่เจสจะพาไปไขคำตอบกับ Finance สาขาต่างๆ ว่ามีอะไรบ้าง

Top MBA in Finance ทำความเข้าใจ Finance สาขาต่างๆ 1.วาณิชธนกิจ ( Investment Banking  ) 2. การบริหารจัดการลงทุน ( Investment Management / Fund Management ) 3. ไพรเวทอิควิตี้ ( Private Equity หรือ Venture Capital ) 4.การเงินธุรกิจ ( Corporate Finance ) Top Business School in Finance 1.Wharton 2.NYU Stern 3.Columbia 4.Chicago Booth 5.Stanford   อยากเรียนด้านการเงิน (Finance) แต่เลือกไม่ถูกว่าจะเรียนสาขาอะไรดี มหาลัยไหนดี ครูพี่เจสจะพาไปไขคำตอบกับ Finance สาขาต่างๆ

11 ขั้นตอนเตรียมสมัคร MBA Round 1 1.เดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายน จัดการคะแนนสอบ GMAT หรือ GRE ให้เรียบร้อย ตรวจสอบว่าต้องใช้ IELTS หรือ TOEFL หรือไม่ ทำกิจกรรมอาสาที่มีประโยชน์ให้ต่อเนื่อง เยี่ยมชมมหาลัย 2.เดือนมิถุนายน ดูว่ามีการเลื่อนตำแหน่งหรือโอกาสใหม่ๆ หรือไม่ ปรับแต่ง Resume หาคนปรึกษาเพื่อรับคำแนะนำ เริ่มคิดถึงเป้าหมาย เพื่อตอบให้ได้ว่าไปเรียนเพื่ออะไร 3. เดือนกรกฎาคม วางแผนเลือกสมัครมหาลัยในรอบ 1 หรือรอบ 2 เริ่มเขียน Essay 4. เดือนสิงหาคมถึงกันยายน นำ Essay ไปให้คนอื่นอ่านเพื่อรับฟังคำแนะนำ   สำหรับน้องๆ ที่ต้องการสมัคร Master Degree หรือ MBA ของ Top U แล้วไม่รู้ว่าจะเตรียมตัวอย่างไรดี เพราะมีขั้นตอนหลายอย่างในการสมัคร อีกทั้งน้องๆ บางคนยังต้องการสมัครให้ทันรอบแรกที่จะเปิดรับในช่วงเดือนกันยายนอีก บทความนี้ได้สรุปว่าน้องๆ ควรทำอะไรในช่วงเวลาไหนไว้แล้ว

ทำไมเราต้องมี Winning Essay เพื่อไป Top U 1.คณะกรรมการมองการเขียน Essay เป็นหลัก เพราะ Essay มีน้ำหนักถึง 15% ของคะแนนรวม 2.ทำ Essay ให้แตกต่างจากคนอื่น แต่ไม่เขียนเรื่องราวซ้ำกับใน Resume 3. Essay ทำให้ได้ทุนการศึกษา Essay ที่ดีอาจทำให้มหาลัยมอบทุนการศึกษาให้น้อง เพื่อดึงดูดใจให้น้องมาเรียน 4.Essay หักล้างทุกจุดอ่อน ถ้าคิดว่า Profile ตรงจุดไหนยังทำได้ไม่ดีพอ สามารถอธิบายเพิ่มเติมได้ใน Essay อยากเข้ามหาลัย Top U ให้ได้ เป็นความฝันอันยิ่งใหญ่ของใครหลายคน แต่กลับพบอุปสรรคมากมายที่ทำให้ต้องเหนื่อยใจ คะแนนไม่ดีบ้าง เกรดไม่ดีบ้าง แต่น้องๆ อย่าเพิ่งถอดใจไป เพราะยังมีอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ช่วยทำให้น้องๆ สามารถพิชิต Top U ในฝันได้ นั่นก็คือ การเขียนเรียงความ (Essay) ให้โดดเด่น จะมีวิธีเขียนอย่างไร ไปติดตามกันเลย 1.คณะกรรมการมองการเขียน Essay

วิธีบริหารเวลาอ่าน GMAT/ GRE สำหรับคนทำงาน Full-time 1.มีแพลนเนอร์เป็นของตัวเอง เพื่อกำหนดเป้าหมายคะแนน ระยะเวลาในการอ่าน และค้นหาว่าหนังสือเล่มใดที่ดี 2.ประเมินเวลาในการอ่านหนังสือของตัวเอง เพื่อให้เรารู้ว่าถนัดอ่านหนังสือในเวลาไหนของวัน 3.เขียนตารางเวลาอ่านหนังสือ กำหนดเวลาว่าในแต่ละวันจะทำอะไรบ้าง 4.เลือกวันพักผ่อนให้กับตัวเอง เพื่อเป็นวันผ่อนคลายร่างกาย สมอง และไปทำธุระจำเป็น 5.บอกกับคนรอบข้างว่า ‘เรากำลังเตรียมตัวสอบ’ เพื่อให้คนรอบข้างเข้าใจว่าเราอาจจะไม่สะดวกไปร่วมงานหรือกิจกรรมต่างๆ รวมไปถึงการได้รับกำลังใจดีๆ 6. หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เสียเวลา เพื่อให้มีเวลาในการอ่านหนังสือเพิ่มมากขึ้น 7. แบ่งเนื้อหาที่ต้องอ่านเป็น 2 ส่วน แบ่งเป็นเนื้อหาที่ต้องเรียนรู้ใหม่ และเนื้อหาที่ต้องทบทวน เพื่อจัดการเวลาในการอ่านให้ลงตัว 8.รู้ประสิทธิภาพในการเรียนรู้ของตัวเอง ต้องรู้ตัวเองว่าอ่านที่ไหนแล้วมีสมาธิ 9.หาเพื่อนร่วมทางในการอ่านหนังสือ เพื่อมีคนให้คำปรึกษาและเป็นแรงกระตุ้น 10. ความมั่นคงกับแผนตัวเองอย่างสม่ำเสมอ มีวินัยกับแผนในข้อ 1-9 เบื้องหลังความสำเร็จของคนในวัยทำงานแบบ full-time นั้น ไม่ได้อยู่ที่ความเก่งเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่การวางแผน ซึ่งทางเราจะมาแนะนำถึงเคล็ดลับการวางแผน การบริหารเวลาเพื่อเตรียมตัวสอบ GMAT GRE สำหรับคนที่ต้องทำงาน เพื่อให้คะแนนของทุกคนบรรลุถึงเป้าหมายมหาลัยในฝันให้ได้ รวมไปถึงนำไปปรับใช้กับการสอบ IELTS TOEFL และอื่น ๆ

7 กฎเหล็ก พิชิต GMAT 700+ GMAT เป็น “ข้อสอบสุดโหด” และเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ Top MBA วัดเด็กเข้าเรียน 7 กฎเหล็กที่พิสูจน์แล้วว่าเป็นเทคนิค Up GMAT จากประสบการณ์ตรงคนที่ได้ GMAT 520 เพิ่มได้เป็น 690 (Verbal 39)(1) Time Management ให้เวลา 10 ข้อแรกมากกว่า 10 ข้อหลัง สำคัญมากๆ เพราะ GMAT เป็น “Adaptive Test” ปรับข้อสอบแต่ละข้อตามความสามารถเรา คือ “ถ้าข้อแรกทำถูก ข้อสองจะได้ข้อยากขึ้นๆ ถ้าข้อแรกทำผิด มันจะให้ข้อง่ายขึ้น” ยกตัวอย่างแบบง่ายๆ ข้อแรก GMAT จะให้ทำข้อคะแนน 550  ถ้าทำถูกข้อต่อไปอาจได้ข้อคะแนน 580 คะแนนจะสูงขึ้นไปเรื่อยๆ โดยการเหวี่ยงของให้การให้ข้อคะแนนช่วงแรกจะเหวี่ยงมากกว่าช่วงหลัง (เป็นหลักการหาสถิติแบบหนึ่ง) ดังนั้น ต้องให้เวลา 10

แว่นสายตาของคนออกข้อสอบ GMAT “แว่นสายตาของใครของมัน  ยืมกันใส่ไม่ได้” สายตาคนเรามีสั้น ยาว เอียงไม่เท่ากัน ยกตัวอย่างพี่เจส สายตาทั้งเอียงทั้งสั้น พี่เจสสายตาเอียงมากเพราะตอนเด็กๆชอบดูการ์ตูนช่องเก้า นอนตะแคงดูทีวีบนโซฟาทุกเสาร์อาทิตย์จนสายตาเอียงตั้งแต่ ม.ต้น แต่ตอนนั้นพี่เจสไม่ยอมใส่แว่น เพราะมันดูเด็กเรียน ไม่ใช่เราเลย ไม่ชอบ พอเข้าธรรมศาสตร์ พี่เจสเริ่มสายตาสั้นไปอีก ไม่ใช่เพราะอ่านหนังสือหนักนะค่ะ! มันไม่ใช่เรื่องเรียนค่ะน้อง มันเป็นเรื่องความรัก….ตอนเป็นแฟนกับพี่เมฆปีแรก พี่เจสอินเลิฟมากอยากทำของขวัญ Handmade ให้วันวาเลนไทน์ พี่เจสเลยปักครอสติสบนหมอนใบใหญ่ พี่เจสปักครอสติสทุกๆวันตอนกลางคืน เปิดไฟแบบสลัวๆ (ตอนนั้นคิดว่ามันโรแมนติก ได้บรรยากาศดี) ปักไปมืดๆ ทำติดกัน 2 เดือนจนเสร็จ …..มารู้ตัวอีกทีพี่เจสก็สายตาสั้นไปแล้ว จนต้องใส่แว่นสายตาในที่สุด!พี่เจสเล่าเรื่องแวนสายตาทำไม? – ไม่ว่าน้องจะสอบ GMAT GRE TOELF IELTS เพื่อไป Top U น้องๆต้องเข้าใจว่า“แว่นสายตาของใครของมัน ยืมกันใส่ไม่ได้”ทุกข้อสอบมีแนวข้อสอบไม่เหมือนกัน เพราะคนออกข้อสอบเป็นคนละสถาบันกัน เกณฑ์การออกข้อสอบ เกณฑ์การวัดข้อถูก ข้อผิด คำอธิบายเฉลย มันไม่เหมือนกันเลย เพราะแต่ละคนมีแว่นสายตาของตัวเองหัวใจสำคัญ คือ น้องๆต้องฝึกทำข้อสอบจริงจากสถาบันที่เป็นคนออกข้อสอบ