Likable is the new GMAT


พี่เมฆมีโอกาสได้จัดงาน MBA Reunion ให้กับศิษย์เก่าคนไทย ที่เรียนจบ MBA จาก US/Europe และ Asia โดยได้รับเกียรติจากพี่โจ้ ธนา เธียรอัจฉริยะ เจ้าของเพจ “เขียนไว้ให้เธอ” บรรยายเรื่อง Likable ทักษะที่สำคัญที่สุดของมนุษย์ในยุค AI

ช่วงตอนหนึ่ง พี่โจ้เล่าถึงทักษะแห่งอนาคต ที่มีอยู่ทั้งสิ้น 4 แบบ ได้แก่ I, T, Y และ X พี่เมฆคิดว่าเรื่องนี้เป็นประโยชน์มากๆ สำหรับน้องๆ ที่ต้องการเรียนต่อ Top U ให้ได้ การสมัครเรียนต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกนั้น ไม่ใช่แค่เรื่องคะแนน GMAT หรือ GPA ดีๆ แต่มันคือการสร้างตัวตนที่ชัดเจน โปรไฟล์ที่โดดเด่น ไม่ให้เป็นแค่ “คนกลางๆ” ที่จมหายไปในกองใบสมัครเป็นหลายพันฉบับ

ทักษะแห่งอนาคต มีอยู่ 4 แบบ ได้แก่ I, T, Y และ X ซึ่งแต่ละแบบมีลักษณะต่างกัน แต่ว่าทักษะแบบไหนกันที่จะเป็นที่ต้องการของมหาวิทยาลัยระดับโลก เรามาดูกันไปทีละแบบครับ

1. ทักษะแบบ I-Shape
น้องๆ ที่มีทักษะแบบนี้โดดเด่นมากๆ ด้วยความเชี่ยวชาญระดับสุดยอด เช่น เป็นอาจารย์และนักวิชาการในสาขาพันธุศาสตร์ที่มีประสบการณ์ทำงานสาขานี้ และมีงานวิจัยมากมาย โดยที่น้องกำลังสนใจจะไปเรียนใน Master Degree สาขาพันธุศาสตร์ เป็นต้น เรียกได้ว่าเป็น Rare Item ของวงการต่างๆ

น้องที่มีทักษะแบบนี้ แม้โปรไฟล์ด้านอื่นๆ อาจจะไม่ดีมาก เช่น ทำกิจกรรมน้อย คะแนน IELTS อาจจะกลางๆ เป็นต้น แต่ก็อาจเป็นที่ต้องการของมหาวิทยาลัยระดับโลกได้ เพราะมหาวิทยาลัยเชื่อว่า น้องๆ เหล่านี้ สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัยได้ต่อเนื่องนั่นเอง จับมาฟูมฟัก ปลูกฝัง เพียงไม่นาน ก็เฉิดฉายได้ ปัญหาคือ ตามสถิติแล้ว น้อยคนที่จะไปได้ถึงจุดนั้น

2. ทักษะแบบ T-Shape
น้องๆ ที่มีทักษะแบบนี้ เป็นประเภทรู้ลึกในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง และยังรู้กว้างในเรื่องอื่นๆ ด้วย เช่น น้องคนหนึ่งที่เคยมาคุยกับพี่เมฆ เป็นคนชอบ Finance มากๆ สอบได้ CFA Level 3 และก็เป็นคนที่ชอบทำค่ายอาสา สอนหนังสือ เล่นกลอง เวลาว่างๆ ก็ชอบวาดรูป เป็นต้น

ฟังดูเหมือนจะดี เป็นคนเก่งในเรื่องหลากหลาย แต่ไม่มีสิ่งไหนให้จดจำและเชื่อไหมครับ ว่าปัจจุบัน น้องๆ ที่มีทักษะแบบนี้ กลายเป็นคนกลางๆ แล้ว เพราะคู่แข่งของน้องคนนี้ ที่มาสมัครเข้า Top U ก็เป็นแนวนี้ทั้งนั้น

หน้าที่ของ Mission To Top U จึงเป็นการค้นหาตัวตนของน้องๆ พร้อมกับคิดจุดขายของน้องๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ และวางกลยุทธ์การปั้น Profile ผ่านการทำกิจกรรมเฉพาะทาง เพื่อให้พ้นจากการเป็นคนแบบ T-Shape ไปสู่แบบที่ 3 และ 4 นั่นเอง

3. ทักษะแบบ Y-Shape
น้องๆ ที่มีทักษะแบบนี้ เป็นประเภทที่เชื่อมวิทยาการและความชอบของ 2 ด้านเข้าด้วยกันอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะหากเป็น 2 ด้านที่ดูเหมือนไม่เข้ากันเลย มักจะก่อให้เกิด Innovation ระดับที่เปลี่ยนโลกได้ เช่น พี่เมฆเคยช่วยน้องคนหนึ่งที่เรียนจบปริญญาตรีด้านนิเทศศาสตร์ และทำงานสายโฆษณามา 2 ปี น้องเป็นคนที่ทำงานคล่อง Creative มาก แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีความสนใจเรื่องการวิเคราะห์ข้อมูลอยู่ลึกๆ เพราะตอนทำงาน เจอบางแคมเปญที่ไม่เวิร์ค ทั้งที่ Creative มาก จึงเริ่มเรียน Data Analytics ด้วยตัวเองในเวลาว่าง

พี่เมฆและ Mission To Top U เลยแนะนำให้น้องออกแบบ Tool ตัวหนึ่งให้กับบริษัท โดยรวม 2 ความถนัดเข้าด้วยกัน คือ Communication + Data ดึงข้อมูลจาก YouTube และ Facebook Ads มาวิเคราะห์ว่า โฆษณาแบบไหนที่คนดูจบ หรือกดข้าม และสร้าง Dashboard ที่อธิบาย Insight ออกมาให้ทีม Creative ใช้งานได้ง่ายๆ

สุดท้ายน้องใช้ Story นี้เป็นแกนกลางในการเขียน Essay ที่โดดเด่นแตกต่างจากผู้สมัคร Marketing ทั่วๆ ไป ที่อาจไม่รู้เทคนิคด้าน Data มากนัก น้องสอบติด Master in Marketing Science ที่ Columbia ครับ

4. ทักษะแบบ X-Shape
น้องๆ ที่มีทักษะแบบนี้ คือความสมบูรณ์แบบ ไม่ใช่เก่งแค่เรื่องเดียว แต่รู้หลายๆ ด้านในระดับลึกและที่สำคัญคือเชื่อมคนจากหลากหลายสาขามาร่วมงานกันได้ เพราะในโลกอนาคต มีแต่คนที่เชื่อมโลก เชื่อมคน เชื่อมวิทยาการ เข้าด้วยกันได้เท่านั้นที่มหาวิทยาลัยมั่นใจว่าจะสร้าง Impact ที่ยิ่งใหญ่ได้ จนสร้างชื่อเสียงให้มหาวิทยาลัยได้ต่อไป

ซึ่ง Skill สำคัญที่สุด ที่จะทำให้คนจากหลากหลายสาขามาร่วมกันได้ โดยมีน้องคนนี้เป็นจุดเชื่อม คือ Likable หรือแปลเป็นไทยว่า “คนที่น่าคบ” นั่นเอง

Likability is the New Superpower!

ทำยังไงให้เราเป็นคนที่น่าคบ? พี่โจ้ ธนา แนะนำว่า ควรเป็น Givers หรือเป็นผู้ให้ ให้ไปก่อน โดยไม่ต้องหวังอะไรตอบแทน แต่ว่าต้องพาตัวเองไปอยู่ในหมู่ของผู้ให้ด้วยกัน เพราะถ้าไปอยู่ในหมู่ Takers หรือผู้รับอย่างเดียว จะโดนเอาเปรียบ

อย่างไรก็ตาม ในบางครั้ง เราอาจจะต้องยอมเสียเปรียบเล็กน้อยอย่างมีศิลปะ เช่น เมื่อตอนที่พี่โจ้ทำงานที่ DTAC เคยไปเจรจาเป็น Sponsor ให้งาน Event หนึ่งของสำนักพิมพ์มติชนของพี่ตุ้ม สรกล อดุลยานนท์ “หนุ่มเมืองจันทน์” พี่โจ้ตกใจมาก เมื่อพี่ตุ้มมอบ Benefits หลายๆ อย่างให้ยิ่งกว่าตัวเงินค่า Sponsor มากมาย พอพี่โจ้ได้ยินแบบนั้น ก็มอบ Benefits อื่นๆ นอกจากตัวเงินกลับให้มติชนยิ่งๆ ขึ้นไปอีก จนงานนั้นออกมาดีมากๆ และทั้งคู่กลายมาเป็นกัลยาณมิตรที่ดีมาจนถึงทุกวันนี้

นอกจากนี้ เวลามีเรื่องที่ดีของใครคนหนึ่งที่เราประทับใจ เราควรชื่นชมเขาใน Social media เช่น Facebook และ Instagram แต่ถ้ามีเรื่องที่ไม่ดี ที่ไม่พอใจ ก็อย่าไปพูด ไปลง Social media ให้คิดซะว่า เรื่องที่เราโพสต์ใน Social media ก็เหมือนการขี้นป้ายโฆษณากลางสี่แยก

อีกหลักการหนึ่งของการเป็นคนที่น่าคบ ก็คือ การ ”ทำเกิน“ หมายถึง ทำให้เกินกว่าสิ่งที่คนอื่นคาดหวังหรือสิ่งที่เราสัญญาไว้ ปัจจุบันนี้ ถ้าทำอะไรที่ตรงกับความคาดหวัง คนจะไม่จำ และถ้าทำได้ต่ำกว่าความคาดหวัง คนมักจะจำและนำไปแชร์ต่อในทางที่ไม่ดี แม้จะทำได้ตามหลักการด้านบนแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้ ก็คือ เราต้องเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนด้วย ถ้าเป็นคนมี Ego สูง ไม่เชื่อฟังใคร ก็ยากที่คนอื่นจะชอบแม้จะเก่งแค่ไหนก็ตาม

ฟังหลักการนี้แล้ว พี่เมฆนึกถึงเรื่องของน้องคนหนึ่งที่ Mission To Top U เคยช่วย

พี่ๆ Mission To Top U เคยช่วยน้องกร (นามสมมติ) ซึ่งเรียนจบปริญญาตรีสาขาบัญชี และทำงานที่ Big Four แห่งหนึ่งมาแล้ว 3 ปี น้องกรมีพื้นฐานด้านการเงินและวิเคราะห์ตัวเลขดีมาก แต่มีความสนใจส่วนตัวเรื่องธุรกิจเพื่อสังคม เพราะเคยร่วมโครงการอาสาพัฒนาให้กับกลุ่มเกษตรกรในบ้านเกิดช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัย และเห็น Pain Point เรื่องการบริหารจัดการการเงินของกลุ่มคนเหล่านี้

พอได้มาคุยกันจริงจัง น้องกรอยากสมัครเรียนปริญญาโทด้าน Social Impact หรือ Impact Investing ในต่างประเทศ แต่ไม่รู้จะสร้างโปรไฟล์ให้โดดเด่นอย่างไร เพราะรู้สึกว่าประสบการณ์ของตัวเองยังธรรมดาเกินไป

พี่ๆ Mission To Top U จึงช่วยน้องกรออกแบบโครงการที่ผสมผสานความถนัดด้านบัญชีเข้ากับความสนใจด้านสังคม ด้วยการสร้างโปรแกรม “บัญชีเข้าใจง่ายสำหรับชาวบ้าน” โดยร่วมมือกับชาวบ้านในชุมชน และเขียนคู่มือที่ใช้ภาษาง่ายๆ เพื่อช่วยเกษตรกรจัดทำบัญชีครัวเรือนและวางแผนต้นทุนได้ด้วยตนเอง พร้อมทั้งจัด Workshop ให้ชาวบ้านทดลองใช้จริง

ด้วยความที่น้องกรมีบุคลิกถ่อมตน มีน้ำใจ และเคยช่วยเพื่อนร่วมงานที่บริษัทหลายครั้งมาก่อน น้องเลยได้รับความร่วมมือจากทั้งรุ่นพี่ในสาย Audit ที่มาช่วยตรวจสอบเนื้อหาของโปรแกรมและคู่มือโดยละเอียด กับรุ่นน้องแผนก Consulting ที่เก่งเรื่องเขียน Code มาช่วยเขียนโปรแกรมให้

ผลสุดท้าย น้องกรใช้โครงการนี้เป็นแกนกลางในการเขียน Essay และพูดถึงความตั้งใจของตัวเองในระยะยาว จนสามารถสอบติด MSc Social Innovation & Entrepreneurship ที่ London School of Economics (LSE) ครับ

กล่าวโดยสรุป ถ้าอยากสอบเข้า Top U ให้ได้ ต้องเริ่มจากการเป็นคนเก่งที่รู้ลึกในหลายๆ ด้าน และเป็น “คนที่น่าคบ” นั่นเอง หากน้องๆ อยากสอบติดมหาวิทยาลัยระดับโลก สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่แค่คะแนนสอบ แต่คือตัวตนที่ “น่าคบ” และ “น่าจดจำ” ของตนเอง ซึ่งต้องเกิดจากการออกแบบเส้นทางชีวิตให้มีทักษะแบบ X-Shape อย่างแท้จริง พี่ๆ Mission To Top U ยินดีให้คำปรึกษา เพื่อช่วยดึงศักยภาพของน้องๆ ออกมาให้โดดเด่นที่สุดในสายตาของมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกครับ

รับเคล็ดลับเรียนต่อฟรี ส่งถึงมือทุกสัปดาห์ 
น้องๆที่จะสมัคร ไปเรียนต่อ MBA หรือ Master’s Degree สายอื่น อย่าพลาด
ปรึกษาฟรี!!!! คลิกเลย FREE CONSULTATION
ฟังเรื่องราวความสำเร็จของนักเรียน MTU คลิกเลย

Scroll to Top