เหนื่อยไหมสิ่งที่เธอทำอยู่?

 

น้องๆ เคยมีความคิดแบบนี้มั้ยครับ? … “ถ้าเราเก่งจริง Top U ก็น่าจะรับเรามั้ย?“, “จะหาที่ปรึกษาทำไม? ทำเองก็ได้นี่?” หรือ “มีที่ปรึกษามาช่วยจะคุ้มมั้ย?“ พี่เมฆเชื่อว่า น้องๆ หลายคนมีคำถามแบบนี้ วันนี้พี่เลยอยากเล่าเรื่องของน้องๆ 3 คน ที่อยากเรียนต่อ MBA / Master’s ในมหาวิทยาลัยระดับโลก

คนแรกคือ น้องน็อต มีความมุ่งมั่นตั้งใจต่อยอดอาชีพด้านการเงิน เลยมีความฝันอยากสมัคร Masters in Finance ที่ London Business School (LBS) ซึ่งถือเป็นอันดับหนึ่งของโลก แต่ขณะเดียวกัน น้องก็คิดว่าตัวเองไม่เก่งพอ ด้วย GPA ที่ค่อนข้างน้อย GMAT ไม่มี แถมยังคิดว่า Profile ไม่เด่นพอ ด้วยงานที่ทำ คือ เป็นนักวิเคราะห์หุ้น (ระดับ Junior Level) ในบริษัทหลักทรัพย์ที่ไม่ได้เป็นเจ้าตลาด

น้องเลยตั้งเป้าว่าจะสมัคร Masters in Finance ที่มหาวิทยาลัยระดับกลางๆ ใน UK ไว้ก็พอ แต่พอได้มาคุยกับพี่เมฆประมาณ 90 นาที พี่เห็นศักยภาพหลายอย่างในตัวน้องคนนี้ ที่เจ้าตัวยังไม่รู้ เช่น น้องดูแลหุ้นกลุ่ม Healthcare ที่ค่อนข้างเป็นเทรนด์ของประเทศไทย นอกจากนี้ น้องยังมีงานอาสาสมัครอยู่บ้างในช่วงที่เรียนปริญญาตรี

พี่เลยอาสาขอดูแลน้องให้สอบติด LBS ให้ได้ เริ่มต้นตั้งแต่ค้นหาตัวตนของน้อง หาจุดขายที่แตกต่างของน้อง ดูว่าน้องชอบทำอะไร แล้วก็แนะนำกิจกรรมที่น้องชอบ “และมหาวิทยาลัยชอบ” ให้น้องไปทำเพิ่ม พอมีของดีในตัวแล้ว พี่ๆ ก็ช่วยน้องปลดปล่อยของดีในตัวออกมาสู่ใบสมัคร ทั้ง Resume, Essay, Interview เป็นต้น (ไม่โม้ ไม่ fake ไม่เขียนในสิ่งที่ไม่ได้ทำ) ซึ่งไม่ใช่แค่การเล่าเรื่องธรรมดา แต่ต้องเล่าให้โดดเด่น เชื่อมเรื่องราวให้น่าอ่าน เพื่อให้คณะกรรมการคัดเลือกจำน้องได้

สุดท้าย น้องน็อตสอบติด LBS และอีกหลายมหาวิทยาลัย เรียกได้ว่าสอบติดทุกที่ที่สมัคร แม้ว่า GPA จะน้อย และไม่มี GMAT มาช่วยแต่อย่างใด จากคนที่ไม่กล้าฝัน จนได้เข้ามหาวิทยาลัยที่เคยคิดว่าเกินเอื้อม และรู้สึกภูมิใจในตัวเองได้ 100% เพราะมีพี่ๆ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นและพาเดินทุกก้าวไปอย่างถูกทางครับ

คนที่ 2 … น้องไมค์ อยากเรียน MBA โดย 1 ใน Top choices ของน้องคือ Duke น้องจึงมาเข้าร่วมงาน Duke MBA Info Session ในประเทศไทย ที่ Mission To Top U จัดขึ้นร่วมกับ Duke University

นั่นคือครั้งแรกที่พี่เจอน้องไมค์ ซึ่งคำถามหนึ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นก็คือ เรื่องที่น้องมี Budget การไปเรียนที่ค่อนข้างจำกัด (ค่าเรียนและกิน-อยู่ของ MBA 2 ปีใน US จะประมาณ 8 ล้านบาท) จึงอยากได้ทุนจากมหาวิทยาลัยมาเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระส่วนนี้

พี่ๆ จึงช่วยน้องไมค์ปั้น Profile และ Application ให้โดดเด่นมีคุณภาพสูง โดยเน้นในเรื่องของการสร้าง Impact ในวงกว้างให้สังคมไทย เพื่อสร้างชื่อเสียงให้ Duke หลังเรียนจบ รวมทั้งเน้นเรื่องการ Contribution ของน้องแก่เพื่อนร่วมชั้นในระหว่างที่เรียน

Duke เชื่อแบบนั้น และต้องการให้น้องไมค์ไปเรียนด้วยมากๆ จึงตอบรับน้องเข้าเรียน และให้ทุนจำนวนประมาณ 3 ล้านบาท ทุนที่น้องไมค์ได้รับมีจำนวนมากกว่าค่าใช้จ่ายในการให้ Mission To Top U ช่วยดูแลเกือบ 10 เท่า !

อีกกรณีหนึ่ง เป็นของน้องเคฟที่ทำงานเป็น Management Consultant ในบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำระดับโลกที่ต้องทำงานหนักมาก กลับบ้านดึกแทบทุกวัน ระหว่างวันแทบไม่ได้ทำอะไรนอกจากงาน แถมยังต้องเดินทางไปต่างประเทศเพื่อพบลูกค้าอยู่บ่อยๆ

น้องอยากเรียน J-Term MBA ที่ Columbia (หลักสูตร MBA ที่เรียนจบใน 1.5 ปี เริ่มเรียนเดือน January) น้องเริ่มเขียน Essay เอง แค่ข้อแรก ใช้เวลาไปเกือบ 4 สัปดาห์ เพราะไม่รู้จะเริ่มยังไง และเขียนยังไงให้ไม่ดูธรรมดาๆ ลบแล้วลบอีกหลายรอบ เขียนเสร็จแล้วก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจในคุณภาพของ Essay ตัวเอง

และก็จริงอย่างที่น้องคิด เพราะพอมาคุย Free consultation กับพี่เมฆครั้งแรก พี่ให้น้องเล่าเรื่อง Essay ข้อนี้ให้ฟัง พี่บอกน้องเลยว่าต้องรื้อ Essay ของน้องทำใหม่ทั้งหมด

พอมาเริ่มงานด้วยกัน พี่ๆ เริ่มจากวางโครงเรื่องของคำตอบในแต่ละคำถาม พร้อมเลือก Story ของน้องให้เลย แล้วช่วยรีวิวร่างคำตอบกันโดยละเอียด แค่ทำตามแผน ไม่ต้องลองผิดลองถูกเอง จากที่น้องเคฟเคยเสียเวลาเขียน Essay เดียวเกือบ 4 สัปดาห์ ก็กลายเป็นใช้เวลาสั้นลงมาก ท้ายที่สุด ส่งใบสมัครได้ก่อน Deadline เกือบ 5 สัปดาห์ (Columbia J-Term MBA รับนักเรียนแบบ Rolling Basis หมายความว่า ยื่นก่อน สอบติดก่อน โอกาสสูงสุด)

สุดท้ายน้องเคฟได้เข้า MBA ที่ Columbia ด้วยการใช้เวลาอย่างคุ้มค่า ทำเฉพาะสิ่งที่ควรทำจริงๆ จึงมีเวลาไปตั้งใจทำงาน ดูแลคนที่รัก ใช้เวลาส่วนตัว รวมทั้งมีเวลาพักผ่อนมากขึ้น

เวลามีค่ามากนะครับ และถ้าเสียไปแล้ว ก็เอากลับมาไม่ได้แล้ว

การสมัครเข้า Top U จะทำเองก็ได้ … แต่จะสอบได้ที่ไหน? จะได้ที่ที่ไกลกว่าที่เราคิดมั้ย?
การสมัครเข้า Top U จะทำเองก็ได้ … แต่เราเสียเวลาไปเท่าไหร่ กับสิ่งที่เราไม่ถนัด?
ถ้าเราไม่เชี่ยวชาญ ก็ควรหาตัวช่วย เหมือนเวลาที่เราไม่สบาย ก็ต้องมีหมอเฉพาะทางดูแล

ถ้าเรามีพี่ๆ Mission To Top U ที่จบ Top U และมีความรู้เฉพาะทางตรงกับ Background ของเรา มาช่วยดูแลอย่างใกล้ชิด เราจะเดินทางสู่ Top U ได้เร็วขึ้น เหนื่อยน้อยลง และไปได้ไกลกว่าที่คิดแน่นอนครับ

รับเคล็ดลับเรียนต่อฟรี ส่งถึงมือทุกสัปดาห์ 
น้องๆที่จะสมัคร ไปเรียนต่อ MBA หรือ Master’s Degree สายอื่น อย่าพลาด
ปรึกษาฟรี!!!! คลิกเลย FREE CONSULTATION
ฟังเรื่องราวความสำเร็จของนักเรียน MTU คลิกเลย

Scroll to Top