การเลือกเรียน MBA ที่ใช่ ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องลงทุนทั้งเงินและเวลา แต่ก็ไม่ต้องกังวลจนเกินไป แค่ทำความเข้าใจตัวเองว่าต้องการอะไร ดูตัวเลือกที่น่าสนใจ ศึกษาข้อมูลสถาบันและหลักสูตรให้ดี อย่าลืมเช็กคุณสมบัติที่สถาบันต้องการด้วย ถ้ามีโอกาสก็ไปร่วมงานแนะนำหลักสูตร หรือลองเรียน Pre-MBA ก่อนก็ได้ พอมั่นใจแล้วก็สมัครเลย แล้วคุณจะได้ค้นพบเส้นทาง MBA ที่เหมาะกับตัวเอง
วางเป้าหมายเรียน MBA เริ่มจากถามตัวเองว่าอยากพัฒนาทักษะด้านไหน อยากเรียนจบไปแล้วทำอะไร อยากได้ตำแหน่งอะไรในอนาคต สนใจอยากทำธุรกิจส่วนตัวด้วยมั้ย แล้วก็ดูด้วยว่ามีงบประมาณพอสำหรับการเรียนมั้ย คิดว่าจะจบได้ทันกำหนดเวลาที่ต้องการรึเปล่า พอมีคำตอบพวกนี้ ก็จะช่วยให้กำหนดแผนได้ชัดเจนขึ้น จากนั้นก็ค่อยไปมองหาหลักสูตรที่เข้ากับเป้าหมายของเราได้พอดี แบบนี้รับรองว่าการเรียนจะมีความสุขและคุ้มค่าแน่นอน
เวลาเลือกหลักสูตร MBA ให้ตรงใจ ก็ต้องดูว่ามันสอดคล้องกับเป้าหมายที่วางไว้มั้ย เนื้อหาวิชาตรงกับสิ่งที่อยากเรียนรู้รึเปล่า ระยะเวลาเรียนพอดีกับแผนชีวิตของเรามั้ย ค่าเล่าเรียนสมเหตุสมผลและอยู่ในงบประมาณที่เรามีมั้ย แล้วก็ต้องดูที่ตั้งของมหาลัยด้วยว่าเดินทางไปเรียนสะดวกดีมั้ย จะได้ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเรียน พอเช็กข้อมูลละเอียดแบบนี้ ก็จะช่วยให้การตัดสินใจเลือกหลักสูตรง่ายและแม่นยำขึ้น
เวลาจะสมัครเรียน MBA ก็ต้องเช็กคุณสมบัติของผู้สมัครให้ดี ส่วนใหญ่เขาจะดูเรื่องประสบการณ์ทำงาน ผลสอบภาษาอังกฤษอย่าง TOEFL หรือ IELTS บางที่ก็อาจจะขอคะแนนสอบวัดความรู้ทางธุรกิจอย่าง GMAT ด้วย นอกจากนั้นก็มีเรื่องวุฒิการศึกษา ผลการเรียนสมัยปริญญาตรี กับเอกสารประกอบการสมัครต่างๆ ที่ต้องเตรียมให้พร้อม ถ้าทำการบ้านมาดีๆ ก็จะช่วยให้การสมัครเรียนเป็นไปได้ด้วยดี ไม่ติดขัดอะไรแน่นอน
ถ้ายังไม่แน่ใจว่าจะเลือกเรียนหลักสูตร MBA ที่ไหนดี ก็ลองไปร่วมงานแนะนำหลักสูตรของมหาลัยต่างๆ ดู จะได้มีโอกาสเจอกับตัวแทนของสถาบัน ได้พูดคุย ซักถามรายละเอียดต่างๆ จากเจ้าหน้าที่โดยตรง บางทีอาจจะได้เจอรุ่นพี่ที่เรียนจบไปแล้วมาแชร์ประสบการณ์ให้ฟังด้วย แถมบางงานอาจจะมีส่วนลดค่าสมัครเรียนให้ถ้าตัดสินใจสมัครเลยภายในงานอีกต่างหาก งานพวกนี้มักจัดเป็นประจำ ก็ตามไปเข้าร่วมเยอะๆ จะได้ข้อมูลเปรียบเทียบหลายๆ ที่ พอมีข้อมูลสำหรับตัดสินใจที่ดี ก็จะหาหลักสูตรที่ถูกใจได้แม่นยำขึ้น
ถ้ายังลังเลว่าจะเรียน MBA เต็มตัวดีมั้ย อีกตัวเลือกนึงคือลองเรียนหลักสูตรระยะสั้นอย่าง Pre-MBA ก่อนก็ได้ เพื่อเป็นการทดลองชิมลางว่าเนื้อหาการเรียนเป็นยังไง บรรยากาศในห้องเรียนเข้ากับเราได้ดีแค่ไหน แล้วเราจะสามารถจัดสรรเวลามาเข้าเรียนได้สะดวกรึเปล่า ข้อดีอีกอย่างคือเราสามารถเอาวิชาที่เรียนใน Pre-MBA มาเทียบโอนเป็นหน่วยกิตได้ส่วนหนึ่งถ้าตัดสินใจเรียนต่อ MBA เต็มรูปแบบ ก็เท่ากับได้ทดลองแบบไม่ขาดทุนนั่นเอง
เมื่อผ่านขั้นตอนต่างๆ มาจนครบ ทั้งกำหนดเป้าหมาย เลือกหลักสูตร เช็กคุณสมบัติ ไปร่วมงานแนะนำ หรือแม้กระทั่งลองเรียน Pre-MBA มาแล้ว ก็ถึงเวลาตัดสินใจสมัครเรียนจริงๆ สักที อาจจะเลือกยื่นสมัครมากกว่าหนึ่งที่ เผื่อมีบางอย่างผิดพลาดจะได้มีตัวเลือกสำรอง แต่ที่สำคัญคือมั่นใจว่าเราเลือกสถาบันที่เหมาะกับตัวเองที่สุด ทั้งหลักสูตร ค่าใช้จ่าย ทำเลที่ตั้ง ตรงกับเป้าหมายที่วางไว้หมด พอได้เรียนแล้วจะต้องรู้สึกสนุก มีความสุข และรู้สึกว่ามาถูกทางแล้วอย่างแน่นอน ก็ขอให้สมหวังตามที่ตั้งใจทุกคนเลย
รับเคล็ดลับเรียนต่อฟรี ส่งถึงมือทุกสัปดาห์ 
น้องๆที่จะสมัคร ไปเรียนต่อ MBA หรือ Master’s Degree สายอื่น อย่าพลาด
ปรึกษาฟรี!!!! คลิกเลย FREE CONSULTATION
ฟังเรื่องราวความสำเร็จของนักเรียน MTU คลิกเลย
อยากไปเรียน Harvard ทำยังไง เผยเคล็ดลับสมัคร MBA Harvard มาฟังใน Podcast นี้กันค่ะ ครูพี่เจส ภัคศิกร ทับทิมทอง อดีต Admissions Committee ที่ Kellogg, Northwestern University และเป็นผู้บริหารบริษัท Mission To Top U TopU
#แชร์หนังสือ ความสุขโดยสังเกต – นิ้วกลม ชวนตอบคำถาม “อะไรทำให้เรามีความสุข” ครูพี่เจส ภัคศิกร ทับทิมทอง อดีต Admissions Committee ที่ Kellogg, Northwestern University และเป็นผู้บริหารบริษัท Mission To Top U TopU Talk The Podcast
“ตอนเขียน Essay จะแบ่งการเขียนเรื่องงานเยอะแค่ไหนดี แล้วควรเขียนเรื่องกิจกรรมมากน้อยแค่ไหน?”ให้น้องๆมองจุดสำคัญอยู่ 2 เรื่อง 1. กลับไปดูคำถามใน Essayไม่ว่าจะเป็น Personal Statement หรือ Essay Questions กลับไปดูว่าจริงๆแล้วเค้าถามเรื่องอะไร 2. Theme ของน้องตรงนี้พี่มักจะย่อให้เป็น story ที่เราอยากทำให้โดดเด่น ซึ่งให้ดูเรื่องงาน เรื่องกิจกรรม เป็น 2 เรื่อง
Schedule a 15-min call to get your questions answered by admissions experts
