7 กฎเหล็ก พิชิต GMAT 700+

GMAT เป็น “ข้อสอบสุดโหด” และเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ Top MBA วัดเด็กเข้าเรียน
7 กฎเหล็กที่พิสูจน์แล้วว่าเป็นเทคนิค Up GMAT จากประสบการณ์ตรงคนที่ได้ GMAT 520 เพิ่มได้เป็น 690 (Verbal 39)
(1) Time Management ให้เวลา 10 ข้อแรกมากกว่า 10 ข้อหลัง
สำคัญมากๆ เพราะ GMAT เป็น “Adaptive Test” ปรับข้อสอบแต่ละข้อตามความสามารถเรา คือ “ถ้าข้อแรกทำถูก ข้อสองจะได้ข้อยากขึ้นๆ ถ้าข้อแรกทำผิด มันจะให้ข้อง่ายขึ้น” ยกตัวอย่างแบบง่ายๆ ข้อแรก GMAT จะให้ทำข้อคะแนน 550  ถ้าทำถูกข้อต่อไปอาจได้ข้อคะแนน 580 คะแนนจะสูงขึ้นไปเรื่อยๆ โดยการเหวี่ยงของให้การให้ข้อคะแนนช่วงแรกจะเหวี่ยงมากกว่าช่วงหลัง (เป็นหลักการหาสถิติแบบหนึ่ง)

ดังนั้น ต้องให้เวลา 10 ข้อแรกมากกว่า 10 ข้อหลัง ควรให้เวลา 10 ข้อประมาณ 2-2 ½ นาทีต่อข้อได้เลย
***ในกรณีที่ 10 ข้อหลัง หากเหลือเวลาแค่ 10 นาทีทำไงดี*** เพราะกฎ GMAT ถ้าเราทำไม่เสร็จ ไม่จบ เค้าเรียกว่า ไม่ถึงเส้นชัย จึงจะโดนหักคะแนนแบบโหดมากๆ เราต้องทำให้ครบทุกข้อ

ต้องใช้หลัก “ทำ 1 ข้อ เว้น 1 ข้อ” จะเท่ากับเราทำจริงๆแค่ 5 ข้อ ทำให้มีเวลาทำให้ถูกข้อละ 2 นาที จะคงคะแนนเดิมไปได้ (คือเราทำได้ถึงช่วง 700 แล้ว) เทคนิคทำ 1 ข้อ เว้น 1 ข้อนี้ ขอย้ำว่าไม่ได้ให้วางแผนไว้ทำค่ะ แค่เผื่อไว้ในกรณีที่เวลาจะหมดจริงๆ

(2) เน้น Verbal ดี คะแนนจะพุ่งกว่าเน้น Quant

หลักการนี้มาจากกฎว่า GMAT นั้น ตัดคะแนนเราจาก Curve เปรียบเทียบกับคนอื่นๆ ซึ่งตัด Curve แยก ทั้ง Quant และ Verbal

สถิติที่ต้องรู้คือ

– คนจีนกับคนอินเดียสอบ GMAT รวมกันสูงที่สุดคิดเป็น 40%

สถิติปี 2017 คนสอบ 250,000 ครั้ง (ตัวเลขปัดหลัก)

  1. 1. US 79,000 ครั้ง
  2. 2. China 69,000 ครั้ง
  3. 3. India 33,000 ครั้ง
    คนจีนกับอินเดียเยอะแล้วไง (So What?)

Insight #1 – Quant มี Curve คะแนนเบ้ขวา คือ คะแนนเฉลี่ยสูงกันมากๆ (ใครจะคิดเลขแข่งกับจีน อินเดีย คิดอีกรอบดีมั้ย?)

Insight #2 – Verbal มี Curve คะแนนเบ้ซ้าย คือ คะแนนเฉลี่ยต่ำ (ก็แน่ล่ะ เค้าเหมือนคนไทย ตรงที่อังกฤษไม่ใช่ภาษาแม่)

นี่แหละจึงเป็นกลยุทธ์ว่า ถ้าทำ Verbal ดีคะแนนพุ่งแน่นอน เพราะเราจะ “สวนกระแส” Curve คนอื่นๆ

(3) เน้นความสำคัญ Verbal ให้ถูก Part

เรื่องแรกที่สำคัญที่หลายคนอาจรู้อยู่แล้ว คือ

อันดับ 1 ต้องทำ Sentence Correction ให้เจ๋ง… เพราะมีจำนวนข้อมากถึง 17-19 ข้อ จาก Verbal 41 ข้อ

อันดับ 2 คนไทยพลาดกันตรงนี้แหละ (คนเขียนก็เคยพลาดเหมือนกันค่ะ เลยสอบไป 5 ครั้งแหนะ จึงช่วยย่นเวลาให้น้องๆ…)

หลายคนไปให้ความสำคัญ Critical Reasoning ก่อน แต่จริงๆแล้วต้องทำ Reading Comprehension ให้ดีกว่าค่ะ

เพราะอะไร RC สำคัญกว่า CR ?

ถึงแม้ว่า RC และ CR จะจำนวนข้อใกล้กันคือ 10-12 ข้อ แต่ RC จะมา 1 Passage ให้ตอบติดกัน 3-4 ข้อ ในขณะที่ CR จะมาข้อเว้นข้อกับ SC หรือ RC ได้ (คนเขียนสอบจริงมา 5 ครั้ง ยังไม่เคยเจอ CR ติดกันเกิน 3 ข้อค่ะ)

ดังนั้น ถ้าทำ 1 Passage ไม่ได้ อ่านไม่รู้เรื่องก็น่าจะ “ผิดชัวร์” “ผิดรัวๆ” “คะแนนตกๆ” จาก 700 มา 600 ไปได้เลย ทีนี้จะทำ SC / CR ข้อล่างๆดียังไง ก็อัพกลับมายากเหลือเกิน… เหมือนตกเหวไปแล้ว

***ดังนั้นต้องเน้น Sentence Correction –> Reading –> Critical Reasoning***

(4) ทำ List หนังสือ และคลังข้อสอบ

จะได้ไม่อ่านมั่ว โดยเน้นอ่าน เน้นทำข้อสอบ Official Guide (คนวงในเรียก OG)

ทำไมต้องเน้น OG ?

มีคนเคยคิดรายได้ของคนออกข้อสอบ GMAT นั้น ตกข้อละ “แสนบาท” ค่ะ ส่วน GMAT แบบที่ไม่ใช่ของจริงนั้น ตกข้อละหลัก “พันบาท” (เคยอ่านจาก GMAT Club) ผลลัพธ์คือ Quality ไม่เหมือนกันเลย !!! ถึงแม้ข้อที่ถูกจะมี Logic เดียวกัน แต่ OG ของจริงนั้น ความเจ๋งอยู่ที่ “ข้อผิด” ค่ะ ข้อผิดมัน “เนียนมากๆ” ทำให้เราตัด “Choice” ยาก ต่างกับ GMAT ที่สถาบันอื่นออกแบบลอกเลียน ข้อที่ผิดมัน “โดดมาก” จนเราตัดๆได้

***แนะนำ website – GMAT Club / Beat the GMAT*** คนมาช่วยเฉลยข้อสอบ และวิธีคิดแบบทำเร็ว

(5) เทคนิคดีแค่ไหน ไม่มี “วินัย” ก็ไม่เห็นผล

แนะนำทำ “ตารางอ่าน ตารางทำข้อสอบ” ค่ะ

– ช่วยเรื่อง Time Management โดยเฉพาะถ้าต้องทำงาน Full Time หนักไปด้วย

– รู้ว่าจะต้องทำงานดึกตอนเย็น เช้าต้องตื่นมาทำ (ไม่งั้นดินพอกหางหมูแน่ๆ ไปเรื่อยๆ)

(6)  รู้จุดแข็งตัวเอง เพื่อรู้ว่า ถ้าเวลาน้อยจริง ข้อไหนเราเจ๋งเราควรทำค่ะ

รู้จุดอ่อน เพื่อไปเน้นฝึกข้อแบบนั้นๆ ดังนั้นถ้าจะอัพคะแนน ก็ใช้กฎ 80 / 20 ได้เช่นกัน คือ เน้นฝึกจุดอ่อน 80% และทำจุดแข็ง 20% เพื่อทวน

คะแนนจะพุ่งมาจากการปรับจุดอ่อนค่ะ ไม่ใช่การทำจุดแข็ง เพราะสุดท้ายแล้ว GMAT มันก็คือ Standardized Test ที่เราจะต้องทำให้ได้แบบครบถ้วน

(7) การสอบมันโหดจริงๆ ทั้งนาน 4 ชั่วโมง ทั้งตื่นเต้น ข้อไหนจะมาต่อไปเลือกไม่ได้ เราก็ต้องทำให้ชินกับการ “สอบ”

– เราต้องฝึกสลับกันโยน PS/DS และ SC/RC/CR, เพิ่มความยากขึ้นเรื่อยๆ

– ฝึกตัดสินใจว่า “ข้อไหนได้ ข้อไหนทิ้ง”

– ฝึกความอึด Endurance ของสติและกำลังสมองในการสอบกว่า 4 ชั่วโมง

– ฝึกเพื่อลดความตื่นเต้น จะได้โชว์พลังความเก่งจริง ในห้องสอบ

*As we respect our students’ privacy, some pictures and names might be replaced to protect their identities.

Hear from our students

Looking for an Expert Advice?

Schedule a 15-min call to get your questions answered by admissions experts

Our Office

188 Spring Tower, 11th Floor, Phayathai Rd.
Thung Phayathai, Ratchathewi, Bangkok 10400
BTS Ratchathewi Exit 3, BTS Phayathai
Call: 086-9924159

Scroll to Top