มีการสำรวจหลายๆ Top-U ในอเมริกา ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับเรื่องไหนมากน้อยเพียงใด สถิติออกมาว่าคณะกรรมการให้ความสำคัญกับคะแนน GMAT/GRE มากที่สุดในการคัดเลือก
1.ทำ Profile Assessment
เรื่องสายอาชีพ ดูว่าน้องอยู่ในสายที่มีการแข่งขันมากน้อยแค่ไหน เช่น สาย Business, Engineer, Consulting ที่มีการแข่งขันสูงมาก หรือสายที่มีการแข่งขันน้อย เช่น สายจิตวิทยา, หมอ
หลักๆคณะกรรมการอยากสร้าง class ที่มีความหลากหลายและความสามารถในการเรียน ซึ่งดูจากคะแนน GMAT และ GPA รวมถึงประสบการณ์ในการทำงาน
2.ตั้งเป้า Target Schools
– เลือกมหาวิทยาลัยตามสายงานที่เราอยากทำ ยกตัวอย่าง อยากทำงานสาย Finance มหาวิทยาลัยที่โดดเด่นด้านนี้ เช่น University of Pennsylvania, Columbia Business School, NYU, Stanford
– Location บางคนเลือกจาก Lifestyle ความชอบส่วนตัว เช่น ชอบเมืองชิคๆแบบ NYU, BU
– อยากเจอคนสไตล์คล้ายๆกัน วัฒนธรรมการใช้ชีวิตไม่ต่างกันมาก ควรลิสต์ไว้สัก 5 มหาวิทยาลัย
3.ศึกษา Target Schools Profile ที่เราสนใจ
– ดูคะแนนค่าเฉลี่ย GMAT
– ดูคะแนน สูง-ต่ำ GMAT ของมหาวิทยาลัย
– ดูโปรไฟล์โดยรวม เช่น มีความโดดเด่น industry ด้านไหนบ้าง มีผู้หญิง ผู้ชายมากน้อยแค่ไหน รวมถึงดูคะแนนค่าเฉลี่ยด้วย
4.วิเคราะห์ Competitive Level ของเรา
เรามีโอกาสมากน้อยแค่ไหน อยู่ในกลุ่มโปรไฟล์ที่แข่งขันสูงหรือเปล่า เช่น กลุ่ม Engineer, Business ค่าเฉลี่ยของ class สูง-ต่ำแค่ไหน
5.ตั้งเป้าคะแนน GMAT/GRE
ประเมินคะแนน GMAT/GRE ที่ตั้งเป้าไว้ว่าควรจะได้เท่าไหร่
สำหรับน้องๆที่อยากได้เคล็ดลับการสอบ GMAT/GRE
รับเคล็ดลับเรียนต่อฟรี ส่งถึงมือทุกสัปดาห์ 
น้องๆที่จะสมัคร ไปเรียนต่อ MBA หรือ Master’s Degree สายอื่น อย่าพลาด
ปรึกษาฟรี!!!! คลิกเลย FREE CONSULTATION
ฟังเรื่องราวความสำเร็จของนักเรียน MTU คลิกเลย
5 ขั้นตอนออกแบบ Winning Resume 99% ของคนที่ติด Top U ส่วนใหญ่คือคนที่ทำ Winning Resume ได้ตอบโจทย์ Admissions Committee เพราะ Resume คือด่านแรกที่สร้างความประทับใจให้ Top U คนที่ติด Top U ส่วนใหญ่คือคนที่ทำ Winning Resume
เพราะ Resume คือด่านแรกที่สร้างความประทับใจให้ Top-U ฟังสรุป 5 ขั้นตอนที่ช่วยน้องๆ ออกแบบ Resume ให้โดนใจคณะกรรมการคัดเลือกนักเรียนค่ะ ครูพี่เจส ภัคศิกร ทับทิมทอง อดีต Admissions Committee ที่ Kellogg, Northwestern University และเป็นผู้บริหารบริษัท Mission To Top U
Coping With Child’s Overseas Study การเตรียมตัวทางจิตใจสำหรับการส่งลูกไปเรียนต่อต่างประเทศ เริ่มจากยอมรับว่าลูกกำลังจะไปเจอประสบการณ์ใหม่ และเราอาจจะรู้สึกเหงาหรือกังวลบ้าง สิ่งสำคัญคือการสร้างความมั่นใจให้ลูก ให้รู้ว่าพ่อแม่เชื่อมั่นในตัวเขา และพร้อมสนับสนุนเสมอ การพูดคุยเปิดใจถึงความคาดหวังและความกลัวจะช่วยให้เข้าใจกันมากขึ้น เตรียมตัวรับมือกับความรู้สึกต่างๆ ทั้งดีใจและคิดถึง เพื่อให้ทั้งลูกและตัวเราเองพร้อมเผชิญการเปลี่ยนแปลงนี้ไปด้วยกัน เข้าใจและยอมรับการเปลี่ยนแปลง การส่งลูกไปเรียนต่อต่างประเทศเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ทั้งสำหรับลูกและพ่อแม่ การยอมรับความจริงว่าลูกกำลังจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ในที่ที่ห่างไกลจะช่วยให้เราปรับตัวได้ง่ายขึ้น พยายามเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตและโอกาสในการพัฒนาตัวเองของลูก การมองการเปลี่ยนแปลงในแง่บวกจะช่วยให้เรารับมือกับความรู้สึกต่างๆ ได้ดีขึ้นและพร้อมสนับสนุนลูกให้ก้าวผ่านช่วงเวลานี้ไปอย่างมั่นใจ สร้างความมั่นใจและให้กำลังใจลูก การให้กำลังใจและสร้างความมั่นใจให้ลูกก่อนเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศเป็นสิ่งสำคัญ พ่อแม่ควรแสดงความเชื่อมั่นในความสามารถของลูก ให้รู้ว่าเราเชื่อว่าเขาจะสามารถปรับตัวและประสบความสำเร็จได้
Schedule a 15-min call to get your questions answered by admissions experts
Our Office
188 Spring Tower, 11th Floor, Phayathai Rd.
Thung Phayathai, Ratchathewi, Bangkok 10400
BTS Ratchathewi Exit 3, BTS Phayathai
Call: 086-9924159
