มารู้จัก 7 โรงเรียน MBA ที่ดีที่สุดในโลกและค้นหาโรงเรียนที่ใช่สำหรับคุณ

มารู้จัก 7 โรงเรียน MBA ที่ดีที่สุดในโลกและค้นหาโรงเรียนที่ใช่สำหรับคุณ

การเริ่มต้นเข้าสู่กระบวนการสมัครเข้าเรียน MBA เปรียบได้กับการเดินทางอันน่าตื่นเต้นและมีความท้าทายอย่างที่สุด โดยเฉพาะการสมัครเข้าโรงเรียนที่มีชื่อเสียงต้นๆ ระดับโลก เคยมีคนบัญญัติศัพท์ขึ้นมาเพื่อใช้เรียกโรงเรียน MBA 7 แห่ง ที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของโลก ว่า “Magnificent Seven”  ขออนุญาตแปลเอาเองเป็นคำไทยเก๋ๆ ว่า “7 โรงเรียน MBA ระดับเทพ” หรือเรียกย่อๆ ว่า M7 ที่ประกอบด้วย Harvard Business School, Stanford Graduate School of Business, Wharton School, Chicago Booth, Columbia Business School, Kellogg School of Management, และ MIT Sloan คนที่ตั้งใจสมัครเข้าเรียนมักเผชิญกับความยากลำบากในการตัดสินใจเลือกโรงเรียนที่เหมาะสมกับความต้องการของตัวเองอยู่บ่อยๆ

แต่ละโรงเรียนนั้นจะมีลักษณะเด่นเฉพาะตัว ตลอดจนมีสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันออกไป ในโพสต์นี้ เราจะมาพูดถึงลักษณะเฉพาะของแต่ละ M7 และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยให้ทุกคนสามารถเลือกโรงเรียน MBA ที่เหมาะสมกับตัวเองได้เป็นอย่างดี

Harvard Business School (HBS)

HBS เป็นโรงเรียนที่ก่อตั้งมาอย่างยาวนานที่สุดในบรรดา M7 ที่นี่ ได้ชื่อว่าเป็นโรงเรียนที่โดดเด่นในด้านการบริหารจัดการทั่วไป และเป็นแหล่งผลิตผู้บริหารชื่อดังระดับโลกมานับไม่ถ้วน จุดเด่นที่สุดของ HBS คือการเรียนรู้จากกรณีศึกษา (Case method) ทำให้นักศึกษาได้ประสบการณ์ในการเรียนรู้การบริหารจากกรณีศึกษาที่เกิดขึ้นจริง

ถึงแม้ว่า HBS จะมีชื่อเสียงเล่าลือกันถึงความยากจากการเรียนการสอน case ที่เข้มข้น แต่การเรียนการสอนแบบนี้กลับทำให้เกิดสภาพแวดล้อมในการเรียนแบบมีส่วนร่วมอย่างมากมายมหาศาล วิธีการเรียนรู้แบบนี้ส่งเสริมให้นักศึกษามีการพูดคุย แบ่งปันประสบการณ์ และเกิดการเรียนรู้จากกันและกัน และด้วยขนาดห้องเรียนที่ค่อนข้างใหญ่ โดยปีหนึ่งๆ จะมีนักศึกษาประมาณ 930 คน ทำให้ HBS เต็มไปด้วยความหลากหลาย ความมีชีวิตชีวา ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ และทำให้เกิดความเชื่อมโยงที่ยั่งยืน

HBS ให้ความสำคัญกับภาวะความเป็นผู้นำอย่างมาก และด้วยความที่ศิษย์เก่าส่วนใหญ่ล้วนกลายมาเป็นผู้บริหารหรือผู้นำที่มีหน้าที่ในการกำหนดนโยบายของค์กรที่มีชื่อเสียงระดับโลก HBS จึงเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับผู้สมัครที่ต้องการความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการบริหารธุรกิจ รวมถึงต้องการพัฒนาทักษะในการเป็นผู้นำที่แข็งแกร่ง ตลอดจนการได้ทำความรู้จักผู้นำองค์กรท่านอื่นๆ ผ่านเครือข่ายศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงขนาดใหญ่ระดับโลก

การเข้าเรียนที่ HBS มีอัตราการแข่งขันสูงมาก โดยมีอัตราการรับนักศึกษาเข้าเรียนเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 11%ซึ่งถือได้ว่าเป็นสัดส่วนที่ต่ำที่สุดในกลุ่ม M7 จึงรับประกันได้เลยว่าผู้สมัครที่ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการล้วนแล้วแต่มีความโดดเด่นและประสบความสำเร็จทุกคนหลังจบการศึกษาอย่างแน่นอน

HBS มองหาอะไรในตัวผู้สมัคร MBA?

คุณ Andrea หนึ่งในเจ้าหน้าที่ของ Stacy Blackman Consulting และศิษย์เก่า HBS ให้ข้อมูลว่า “สิ่งหลักๆ ที่ HBS มองหาในตัวของผู้สมัคร คือ คุณลักษณะของความเป็นผู้นำ ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ข้อมูล รวมถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการเป็นพลเมืองที่จะมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนชุมชนให้มีความเจริญก้าวหน้าต่อไปในอนาคต”

HBS เป็นสถานที่ซึ่งจะหลอมรวมคุณสมบัติเด่นอันแตกต่างและหลากหลายจากนักศึกษาแต่ละคนออกมา ไม่ว่าจะเป็นความเป็นเลิศด้านการศึกษา นับตั้งแต่ระดับปริญญาตรีรวมเข้ากับกิจกรรมทางการศึกษาด้านอื่นๆ ตลอดจนพิจารณาถึงศักยภาพในการเป็นผู้นำที่ดีโดยที่นี่มองหานักศึกษาที่สามารถแสดงให้เห็นได้ว่าพวกเขาสามารถเป็นผู้นำได้ในหลายๆ ด้าน เช่น การทำงาน การเรียนหรือกิจกรรมนอกเหนือจากการเรียน

นอกเหนือไปจากนั้นการมีส่วนร่วมในการเป็นผู้นำในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนกับความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมาก็เป็นสิ่งที่สำคัญด้วย

เราสามารถแสดงให้คณะกรรมการคัดเลือกเห็นถึงทักษะในการวิเคราะห์ข้อมูลผ่านคะแนนสอบ ผลการศึกษา และประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมา  รวมถึงทักษะในการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น (Interpersonal skills) ก็เป็นเรื่องสำคัญที่ HBS มองหาเช่นกัน โดยเฉพาะทักษะในการทำงานเป็นทีมเนื่องจากมีความสำคัญอย่างมากในโลกธุรกิจ HBS ต้องการผู้สมัครที่มีจุดมุ่งหมายและแผนการใช้ชีวิตในอนาคตอย่างชัดเจนและสามารถแสดงให้คณะกรรมการเห็นได้ชัดถึงความมุ่งมั่นอันแรงกล้าที่จะไปให้ถึงเป้าหมายของตนเองได้

สถิติของ HBS

  • จำนวนผู้สมัครในปี 2022-2023: 8,149
  • จำนวนนักศึกษาที่ได้รับการคัดเลือกและจะจบการศึกษาในปี 2025: 938
  • สัดส่วนนักศึกษาเพศหญิง 45%
  • สัดส่วนนักศึกษาต่างชาติ 39%
  • ประสบการณ์การทำงานเฉลี่ย: 4.9 ปี
  • ค่าเฉลี่ยของคะแนน GMAT: 740
  • ค่าเฉลี่ยของคะแนน GRE (V&Q): 163/163
  • อันดับของหลักสูตร MBA ที่ดีที่สุดในโลกที่จัดอันดับโดย US News & World Report ปี 2023-2024: 5

 Stanford Graduate School of Business (GSB)

Stanford GSB เป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงโดดเด่นด้านเทคโนโลยี ด้วยทำเลของโรงเรียนที่อยู่ในละแวกเดียวกับ ซิลิคอนวัลเลย์ (Silicon Valley) ซี่งเป็นที่รู้กันทั่วไปว่าเป็นแหล่งผลิตและบ่มเพาะนวัตกรรมที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ทำให้ Stanford GSB เป็นโรงเรียนในฝันของผู้สมัครหลายๆ คนที่มีเป้าหมายในการเป็นผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ

นอกจาก Stanford GSB จะขึ้นชื่อในเรื่องการเรียนการสอนที่เข้มข้นแล้ว ที่นี่ยังได้ชื่อว่าเป็นโรงเรียนที่มีวัฒนธรรมในการศึกษาแบบช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ด้วยห้องเรียนที่มีขนาดเล็ก โดยใน 1 ชั้นเรียน จะมีนักศึกษาประมาณ 435 คนเท่านั้น ทำให้ทั้งผู้เรียนและผู้สอนมีความใกล้ชิดกันค่อนข้างมาก ส่งเสริมการเรียนรู้แบบกลุ่มได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นที่นี่จะเน้นในเรื่องของการพัฒนาตัวบุคคล ผ่านการแบ่งปันความคิด และประสบการณ์ใหม่ๆ จากเพื่อนร่วมชั้นเรียนท่านอื่นๆ เสริมสร้างให้บรรยากาศในการเรียนเป็นการสนับสนุนซึ่งกันและกัน จนนำพาไปสู่ความสำเร็จ

Stanford GSB ยังคงไว้ซึ่งอัตราการรับนักศึกษาเข้าอยู่ที่ประมาณ 6% ซึ่งอัตราการรับเข้าศึกษาที่น้อยนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของโรงเรียนในการคัดเลือกเฉพาะกลุ่มบุคคลที่มีความสามารถ ยอดเยี่ยม และหลงใหลในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนานวัตกรรมในโลกธุรกิจอย่างแท้จริง

Stanford GSB มองหาอะไรในตัวผู้สมัคร MBA?

หนึ่งในเจ้าหน้าที่ของ Stacy Blackman Consulting และอดีตคณะกรรมการคัดเลือกนักศึกษาของ Stanford GSB ให้ข้อมูลว่า “Stanford GSB มองหาคนที่มีความโดดเด่นหลากหลาย ผู้ที่กำลังมองหาประสบการณ์ในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของตนเอง ตลอดจนมีความตั้งใจที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญไม่ว่าจะต่อชีวิตของตนเอง ต่อองค์กร และต่อโลก”

Stanford GSB มองหาผู้สมัคร MBA ที่มีคุณสมบัติหลากหลาย และจะช่วยทำให้คุณสมบัติเหล่านั้นโดดเด่นขึ้น แน่นอนว่าความเป็นเลิศทางสติปัญญายังคงเป็นสิ่งที่ Stanford GSB ให้ความสำคัญ โดยมุ่งเน้นหาบุคคลที่มีความสนใจใฝ่รู้ มีความกระตือรือร้น มีจิตใจเปิดกว้าง พร้อมที่จะเรียนรู้และเติบโตทั้งในด้านการเติบโตส่วนบุคคลและการเติบโตในวิชาชีพ นอกจากนั้นที่นี่ยังให้ความสำคัญด้านศักยภาพในการเป็นผู้นำโดยให้ความสำคัญกับผู้สมัครที่สามารถแสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์อันยอดเยี่ยมที่เกิดขึ้นจากการทำงานในวิชาชีพของพวกเขาเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานในองค์กรต่างๆ การเป็นผู้ประกอบการธุรกิจใดๆ ก็ตาม หรือการมีส่วนร่วมในองค์กรนั้นๆ

นอกเหนือไปจากความเป็นเลิศทางสติปัญญาและความสำเร็จทางวิชาชีพแล้ว Stanford GSB ยังให้ความสำคัญอย่างมากต่อคุณลักษณะส่วนบุคคล และการมีส่วนร่วม ที่นี่มองหาผู้สมัครที่มีมุมมอง ประสบการณ์ และเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่หลากหลาย ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเสริมสร้างชุมชน MBA ที่แข็งแกร่ง มีความคิดสร้างสรรค์ มีความมุ่งมันและวิสัยทัศน์อันแรงกล้าที่จะร่วมผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีในสังคมโดยผู้สมัครสามารถแสดงให้เห็นถึง
จุดเหล่านี้ได้ผ่านประสบการณ์เข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสาต่างๆหรือแสดงให้เห็นผ่านวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่นและชัดเจนของตนเองเพื่อทำให้คณะกรรมการมั่นใจได้ว่าผู้สมัครมีความสามารถที่จะเป็นผู้นำในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกแก่สังคมได้อย่าง
แน่นอน

ที่นี่มองหาผู้สมัครที่มีจิตวิญญาณในการทำงานร่วมกันเป็นทีมเนื่องจากที่นี่มองว่าการทำงานเป็นทีมเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะช่วยขับเคลื่อนให้เกิดวัฒนธรรมการเรียนรู้แบบสนับสนุนซึ่งกันและกันรวมถึงการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพทั้งด้านการอ่าน
และการเขียนก็เป็นสิ่งสำคัญในโลกธุรกิจก็เป็นจุดสำคัญสำหรับที่นี่ด้วย

ท้ายที่สุด Stanford GSB ให้คุณค่ากับผู้สมัครที่มีการพัฒนาตนเองผ่านทักษะการสะท้อนตนเอง (Self-reflection) เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรม ความคิด และความรู้สึกของตัวเอง  ในการค้นหาแรงจูงใจและตัวตนที่แท้จริงของแต่ละคน จนนำไปสู่จุดมุ่งหมายของ Stanford GSB ในการสร้างชุมชน MBA ที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาและเป็นสถานที่ที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการส่งเสริมการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

สถิติของ Stanford GSB

  • ใบสมัครที่ได้รับในปี 2022-2023: 6,190
  • จำนวนนักศึกษาที่ได้รับการคัดเลือกและจะจบการศึกษาในปี 2025: 431
  • สัดส่วนนักศึกษาเพศหญิง 46%
  • สัดส่วนนักศึกษาต่างชาติ 36%
  • ประสบการณ์การทำงานเฉลี่ย: 5 ปี
  • ค่าเฉลี่ยของคะแนน GMAT: 738
  • ค่าเฉลี่ยของคะแนน GRE (V&Q): 164/164
  • อันดับของหลักสูตร MBA ที่ดีที่สุดในโลกที่จัดอันดับโดย US News & World Report ปี 2023-2024: 6

University of Pennsylvania Wharton School

หากใครกำลังมองหาโรงเรียน MBA ที่มีจุดเด่นด้านการบริหารจัดการเงิน (Finance) Wharton ของ Upenn ซึ่งถือได้ว่าเป็นโรงเรียน MBA ที่เก่าแก่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา น่าจะเป็นโรงเรียนที่ตอบโจทย์ที่สุด นอกจากจุดเด่นที่หลักสูตร Financeแล้วที่นี่ยังโดดเด่นในด้านบรรยากาศการเรียนการสอนที่ส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือในการทำงานเป็นทีมที่โรงเรียน
มองว่าเป็นทักษะที่สำคัญในโลกธุรกิจอีกด้วย

โรงเรียนใช้รูปแบบการสอนแบบผสมผสาน (hybrid) โดยบางวิชาจะใช้การสอนแบบกรณีศึกษา (Cased-based) บางวิชาจะใช้การสอนแบบบรรยายเชิงทฤษฎี (Lectured-based)  และมีอีกหลายวิชาที่ผสมผสานการสอนทั้งสองวิธีเข้าด้วยกัน หลักสูตรของ Wharton มุ่งเน้นการเพิ่มพูนทักษะและความสามารถทางด้านเทคนิค ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงตัวเลข และแม้ว่าวิชาที่เรียนจะเป็นวิชาที่เกี่ยวข้องกับการตลาดหรือกลยุทธ์ก็จะต้องใช้ทักษะการคำนวณตัวเลข นักศึกษาที่นี่ส่วนใหญ่จึงมีทักษะการคิดวิเคราะห์ตลอดจนการคำนวณเชิงตัวเลขที่แข็งแกร่ง

ด้วยอัตราการรับเข้าประมาณ 20% Wharton จึงมุ่งมั่นที่จะสร้างชุมชนแห่งความร่วมมือร่วมใจอันหลากหลายอันจะนำไปสู่การสร้างผู้นำแห่งโลกธุรกิจได้ในอนาคต

Wharton มองหาอะไรในตัวผู้สมัคร MBA?

Wharton เน้นการเฟ้นหาผู้สมัครที่มีคุณลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะความเป็นเลิศทางด้านวิชาการซึ่งแสดงให้เห็นได้จากผลการเรียนในระดับปริญญาตรี หรือปริญญาโท รวมถึงระดับคะแนน GMAT หรือ GRE ตลอดจนพิจารณาถึงศักยภาพในการเป็นผู้นำ ที่นี่ต้องการผู้สมัครที่สามารถแสดงให้เห็นได้ถึงความเป็นผู้นำไม่ว่าจะเป็นความเป็นผู้นำในการทำงาน ความเป็นผู้นำระหว่างการศึกษา หรือความเป็นผู้นำในกิจกรรมอื่นๆ นอกเวลา ที่จะแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างแรงบันดาลใจต่อผู้อื่นได้

ประสบการณ์การทำงานก็เป็นปัจจัยที่สำคัญในการพิจารณาผู้สมัครเช่นเดียวกัน Wharton โปรดปรานผู้สมัครที่มีประสบการณ์การทำงานหลังจบการศึกษาระดับปริญญาตรีมาหลายปี ที่นี่ให้ความสำคัญกับภูมิหลังทางวิชาชีพที่หลากหลาย ทำให้นักศึกษาได้เรียนรู้จากการแบ่งปันประสบการณ์ที่แตกต่างกันไปในแต่ละสาขาวิชาชีพ นอกจากนี้ Wharton ยังให้ความสำคัญกับการทำงานเป็นทีม เนื่องจากเป็นทักษะสำคัญในโลกธุรกิจ Wharton จึงมองหาผู้สมัครที่ามารถแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเป็นผู้นำที่ดี และความเป็นเลิศในทักษะการทำงานร่วมกัน

คณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครนิยมชมชอบผู้สมัครที่มีมุมมองเป็นสากล ดังนั้น พวกเขามักจะพิจารณาผู้สมัครที่มีประสบการณ์การทำงานในระดับสากล และมีโอกาสได้สัมผัสถึงประเด็นปัญหาสำคัญของบริษัทเป็นพิเศษ นอกจากนั้นทักษะในการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพไม่ว่าจะเป็นการเขียน การพูด ก็เป็นสิ่งที่คณะกรรมการให้ความสำคัญ พวกเขาจะประเมินทักษะต่างๆ เหล่านี้จากเรียงความในใบสมัครและการสัมภาษณ์

นอกจากนี้ Wharton ยังให้ความสำคัญกับผู้สมัครที่เป็นผู้สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อส่วนรวม ไม่ว่าจะเป็นในที่ทำงานหรือชุมชนของตนเอง โดยดูจากการมีส่วนร่วมและผลสำเร็จจากการทำงานนั้นๆ และท้ายที่สุด ผู้สมัครที่ได้รับการคัดเลือกส่วนใหญ่จะมีความเป็นเลิศในทักษะการสื่อสารระหว่างบุคคล (Interpersonal skills) ที่รวมถึงการมีความฉลาดทางอารมณ์ (emotional intelligence) และความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่นเป็นอย่างดี

สถิติของ Wharton

  • ใบสมัครที่ได้รับในปี 2022-2023: 6,194
  • จำนวนนักศึกษาที่ได้รับการคัดเลือกและจะจบการศึกษาในปี 2025: 874
  • สัดส่วนนักศึกษาเพศหญิง 50%
  • สัดส่วนนักศึกษาต่างชาติ 31%
  • ประสบการณ์การทำงานเฉลี่ย: 5 ปี
  • ค่าเฉลี่ยของคะแนน GMAT: 728
  • ค่าเฉลี่ยของคะแนน GRE (V&Q): 162/162
  • อันดับของหลักสูตร MBA ที่ดีที่สุดในโลกที่จัดอันดับโดย US News & World Report ปี 2023-2024: 3

University of Chicago Booth School of Business

Boothมีความภาคภูมิใจอย่างสูงในฐานะที่เป็นโรงเรียนบริหารธุรกิจที่โดดเด่นในด้านการวิเคราะห์แก้ไขประเด็นปัญหาทางธุรกิจที่ท้าทาย ด้วยหลักสูตรการเรียนการสอนที่มีความยืดหยุ่น จะช่วยให้นักศึกษาสามารถเลือกประสบการณ์การเรียน MBA ของตนเองได้ ที่นี่เหมาะที่สุดสำหรับผู้สมัครที่เป็นนักคิดวิเคราะห์ ผู้ชื่นชอบในการศึกษาข้อมูลเชิงลึกและแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน ตัวโรงเรียนเองมีจุดเด่นที่หลักสูตรด้านการเงิน (Finance) ด้านเศรษฐศาสตร์ (Economics) และการเป็นผู้ประกอบการเจ้าของธุรกิจ (Entrepreneurship)

หนึ่งในสิ่งที่ Chicago Booth ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก คือ ความหลากหลาย ภาพในอุดมคติของนักศึกษา MBA ที่นี่จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมทางธุรกิจและสังคมของนานาประเทศเป็นอย่างมาก  ที่นี่เป็นสังคมที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา และเป็นสังคมแห่งการมีส่วนร่วม  โดยสะท้อนให้เห็นจากเครือข่ายศิษย์เก่าที่มีจำนวนมากกว่า 40,000 คน จาก 90 ประเทศทั่วโลก

Booth มีความแตกต่างจากโรงเรียนอื่นในเรื่องความยืดหยุ่นของการเรียนการสอน ในขณะที่โรงเรียนอื่นๆ จะมีหลักสูตรและวิชาที่ตายตัว แต่หลักสูตรของที่นี่ไม่มีวิชาบังคับ นักศึกษาสามารถเลือกเรียนเฉพาะวิชาที่ตนเองมีความสนใจ ในเวลา และในระดับที่ตนเองต้องการได้

ที่นี่จะมีผู้ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับหลักสูตรที่จะเรียนตลอดจนให้คำปรึกษาด้านวิชาชีพ คอยแนะนำนักศึกษาอย่างใกล้ชิดเพื่อให้มั่นใจว่านักศึกษาได้เลือกลงเรียนในรายวิชาที่ตรงกับความสนใจของตัวนักศึกษาจริงๆ ตลอดระยะเวลาสองปีของการเรียน นักศึกษาจะเลือกเรียนวิชาบังคับเพียงวิชาเดียวเท่านั้น การที่โรงเรียนมีความยืดหยุ่นของหลักสูตรแบบนี้จะช่วยให้นักศึกษาได้รับประสบการณ์จากการเรียน MBA อย่างแท้จริง

Booth คงไว้ซึ่งอัตราการรับนักศึกษาที่ประมาณ 23%และการที่โรงเรียนมีจุดเด่นในเรื่องของความยืดหยุ่นในหลักสูตร ทำให้ที่นี่เป็นที่ดึงดูดผู้สมัครที่มีประสบการณ์และความสนใจที่หลากหลายซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญในการสร้างสภาพแวดล้อมที่นี่ ให้มีสีสันและมีความชีวิตชีวาอยู่ตลอด

Booth จึงเป็นโรงเรียนที่เหมาะสมกับผู้สมัครที่กำลังมองหาสภาพแวดล้อมที่มีความท้าทายทางด้านสติปัญญา และต้องการความอิสระเสรีในการเลือกรูปแบบการศึกษาด้วยตนเองได้

Chicago Booth มองหาอะไรในตัวผู้สมัคร MBA?

หนึ่งในอดีตคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครของ Booth และเจ้าหน้าที่ของ Stacy Blackman Consulting ให้ข้อมูลว่า Boothมองหาผู้สมัครที่สามารถแสดงให้เห็นถึงการใช้ชีวิตที่สอดคล้องกับวิธีการเรียนการสอนแบบบูรณาการในแต่ละวิชาที่
นักศึกษาเลือก รวมถึงมองหามุมมองของการส่งต่อความดีจากผู้สมัคร (pay-it-forward) ซึ่งเป็นแนวคิดที่เชื่อว่า เราทุกคนสามารถสร้างโลกให้น่าอยู่ได้ โดยเริ่มทำความดีจากตัวเราเอง ช่วยเหลือคนรอบข้างที่เดือดร้อน ขณะผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือก็มีหน้าที่ตอบแทนโดยการส่งมอบความช่วยเหลือให้แก่ผู้อื่นต่อไปเรื่อยๆ ที่นี่ให้คุณค่ากับมุมมองอันหลากหลายและมองหานักศึกษาที่มีความพร้อมที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการเติบโตของ โรงเรียนในอนาคต

ผู้สมัคร MBA ที่ได้รับการคัดเลือกมักจะเป็นผู้มีความกระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้ มีทักษะการคิดวิเคราะห์ที่แข็งแกร่ง ตลอดจนมีศักยภาพในการเป็นผู้นำ ที่นี่ให้ความสำคัญกับผู้สมัครที่มีประสบการณ์ทางวิชาชีพที่หลากหลาย มีทัศนคติที่ดีในการทำงานเป็นทีม และมีทักษะการสื่อสารที่ดีเยี่ยม Booth นิยมชมชอบผู้สมัครที่มีประสบการณ์การทำงานประมาณหนึ่งหลังจบปริญญาตรี มีมุมมองที่เป็นสากล และสามารถเข้ากันได้กับวัฒนธรรมการเรียนการสอนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของโรงเรียน

กระบวนการรับสมัครจะพิจารณาแบบองค์รวมโดยดูจากประวัติโดยรวมของผู้สมัครแต่ละคนว่ามีความสอดคล้อง และเข้ากันได้กับวัฒนธรรมและค่านิยมของ Booth ผู้สมัครที่ได้รับการคัดเลือกส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่สามารถแสดงให้เห็นได้ถึงความมุ่งมั่นในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อส่วนรวม ต่อโลกธุรกิจ และสามารถเป็นส่วนหนึ่งที่จะนำพาชุมชน Booth ให้คงไว้ซึ่งความมีชีวิตชีวาได้ตลอด

สถิติของ Booth

  • ใบสมัครที่ได้รับในปี 2022-2023: 4,184
  • จำนวนนักศึกษาที่ได้รับการคัดเลือกและจะจบการศึกษาในปี 2025: 637
  • สัดส่วนนักศึกษาเพศหญิง 42%
  • สัดส่วนนักศึกษาต่างชาติ 36%
  • ประสบการณ์การทำงานเฉลี่ย: 5 ปี
  • ค่าเฉลี่ยของคะแนน GMAT: 730
  • ค่าเฉลี่ยของคะแนน GRE (V&Q): 162/163
  • อันดับของหลักสูตร MBA ที่ดีที่สุดในโลกที่จัดอันดับโดย US News & World Report ปี 2023-2024: 1

Columbia Business School (CBS)

CBS เป็นโรงเรียนที่มีทำเลที่ตั้งอยู่ใจกลางย่านแมนฮัตตัน นิวยอร์ก ซึ่งเป็นศูนย์กลางธุรกิจ วัฒนธรรม และการเงินที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก ตัวมหาวิทยาลัย Columbia เองนั้นเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงอยู่ในระดับต้นของโลกอยู่แล้ว แต่ CBS ก็ยังเป็นที่ชื่นชอบอย่างมากในฐานะที่เป็นโรงเรียนด้านบริหารธุรกิจแห่งเดียวที่ถูกจัดอยู่ในระดับ Ivy League

Columbia มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในวงการธุรกิจการเงินและวงการธุรกิจที่ปรึกษา หากคุณกำลังมองหาโรงเรียนที่มีสภาพแวดล้อมและบรรยากาศการเรียนการสอนที่สามารถจะกระตุ้นให้นักศึกษามีความกระฉับกระเฉงอยู่ตลอดเวลา ผ่านการเรียนการสอนที่ดูเร่งรีบ รวดเร็ว และมีความใฝ่ฝันที่จะโลดแล่นอยู่ในวงการธุรกิจการเงินการลงทุนแล้วล่ะก็ ที่นี่จะเป็นโรงเรียนที่เหมาะสมสำหรับคุณแน่นอน ด้วยระบบการเรียนการสอนที่เน้นการนำไปใช้จริง ผสมผสานกับความหลากหลายจากนักศึกษาต่างที่มา ทำให้บรรยากาศการเรียนจะเต็มไปด้วยความคึกคักและความมีชีวิตชีวา นักศึกษาที่จบจากที่นี่ล้วนแล้วแต่มีความรู้และความสนใจรอบด้าน และพร้อมที่จะติดต่อให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เกิดเป็นเครือข่ายศิษย์เก่าที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

สิ่งหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของ CBS คือ มีการรับสมัครนักศึกษา J-term ที่เป็นหลักสูตรที่ใช้เวลาในการศึกษาเพียง 16 เดือน โดยจะเริ่มการศึกษาในเดือนมกราคม และมีจำนวนนักศึกษาเข้าเรียนจำนวนประมาณ 200 คน เข้าเรียนในหลักสูตรนี้ นักศึกษาทุกคนจะได้สิทธิทุกอย่างเช่นเดียวกันกับนักศึกษาของหลักสูตรปกติที่เข้าเรียนในช่วงเดือนสิงหาคม ไม่ว่าจะเป็นการเรียนที่จะเข้าเรียนในชั้นเรียนเดียวกัน สามารถเข้าร่วมชมรมหรือสโมสรนักศึกษาได้เหมือนกัน ตลอดจนเข้ารับปริญญาและได้รับปริญญาเดียวกันกับนักศึกษาของหลักสูตรปกติ

CBS มีอัตราการรับนักศึกษาเข้าอยู่ที่ประมาณ 18% กระบวนการการคัดเลือกที่เข้มข้นของโรงเรียนนั้นค่อนข้างสอดคล้องกับสถาพแวดล้อมที่ค่อนข้างจะเต็มไปด้วยความเร่งรีบ และการแข่งขันทำให้ที่นี่เป็นที่ดึงดูดของคนที่ค่อนข้างมีความทะเยอทะยานและมีความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะประสบความสำเร็จในจุดที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจของโลก  อย่างแท้จริง

CBS มองหาอะไรในตัวผู้สมัคร MBA?

CBS มองหาผู้สมัครที่มีความหมายมั่นว่าจะเป็นคนที่มีความโดดเด่นในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นความเป็นเลิศทางวิชาการ หรือมีคุณสมบัติในการเป็นผู้นำได้เป็นอย่างดี จุดที่ CBS เน้นมากที่สุดในตัวของผู้สมัคร คือ การมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมบางสิ่งบางอย่างนอกเหนือจากการทำงานหรือการเรียน เพื่อพิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพในการเป็นผู้นำ ที่นี่ต้องการมั่นใจว่าคุณจะสามารถเข้ากันได้ดีกับสภาพแวดล้อมของ CBS ที่นักศึกษาทุกคนมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นและทุกคนมีส่วนร่วมในทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการเรียนในห้องเรียน หรือกิจกรรมนอกห้องเรียน นอกจากนี้ จุดมุ่งหมายและเป้าหมายทาววิชาชีพในอนาคตที่ชัดเจนและมีความเป็นไปได้จริงของผู้สมัครก็เป็นจุดที่ CBS ให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน

และแม้ว่าผู้สมัครแต่ละคนจะพยายามนำเสนอจุดเด่นของตนเองที่ไม่เหมือนใครออกมาในใบสมัคร แต่ CBS ก็จะให้น้ำหนักในคุณสมบัติหลักๆ ไม่กี่อย่างของผู้สมัครที่ให้ความสำคัญ ได้แก่ ความเป็นเลิศทางวิชาการ ผู้สมัครต้องแสดงให้เห็นถึงความสามารถที่โดดเด่นในระดับปริญญาตรี และคะแนน GMAT หรือ GRE ที่สามารถทำให้คณะกรรมการคัดเลือกประทับใจได้ คือ ผู้สมัครต้องได้คะแนนสูงในระดับหนึ่งนั่นเอง

คุณสมบัติในการเป็นผู้นำก็เป็นส่วนที่มีน้ำหนักมากเช่นกัน ไม่ว่าเป็นประสบการณ์การเป็นผู้นำในการทำงาน หรือการเป็นผู้นำในโรงเรียน หรือการเป็นผู้นำในกิจกรรมอื่นๆ นอกเหนือไปจากนั้น คุณต้องสามารถแสดงให้ CBS เห็นได้ว่าคุณมีศักยภาพในการเป็นผู้นำ และสามารถเป็นผู้นำที่ดีในแง่ของการเป็นแรงบันดาลใจหรือให้คำแนะนำกับผู้อื่นได้อย่างไร

CBS ให้ความสำคัญกับการมีพื้นหลังทางวิชาชีพอันหลากหลายของนักศึกษาในหลักสูตร เนื่องจากที่นี่มองว่าความหลากหลายนั้นมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างชุมชน MBA ที่มีคุณภาพ นอกจากนั้นแล้ว การทำงานเป็นทีมก็เป็นสิ่งที่ CBS ให้คุณค่ามาก ดังนั้น ผู้สมัครจึงต้องแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทำงานร่วมกันเป็นทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ CBS ยังให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมในชุมชนอย่างมาก ผู้สมัครจะต้องแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการอยากที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกให้เกิดขึ้นทั้งมุมมองเชิงธุรกิจและสังคม คณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครต้องการแน่ใจว่าผู้สมัครมีเป้าหมายในการทำงานที่ชัดเจนและจับต้องได้

สถิติของ Columbia

  • ใบสมัครที่ได้รับในปี 2022-2023: 5,895
  • จำนวนนักศึกษาที่ได้รับการคัดเลือกและจะจบการศึกษาในปี 2025: 900
  • สัดส่วนนักศึกษาเพศหญิง 44%
  • สัดส่วนนักศึกษาต่างชาติ 47%
  • ประสบการณ์การทำงานเฉลี่ย: 5 ปี
  • ค่าเฉลี่ยของคะแนน GMAT: 730
  • อันดับของหลักสูตร MBA ที่ดีที่สุดในโลกที่จัดอันดับโดย US News & World Report ปี 2023-2024: 11

Kellogg School of Management

โรงเรียนบริหารธูรกิจ Kellogg ของมหาวิทยาลัย Northwestern มีชื่อเสียงโดดเด่นด้านวัฒนธรรมการเรียนการสอนแบบเป็นกลุ่มเป็นก้อน เน้นการทำงานร่วมกันเป็นทีม และทักษะการสื่อสารระหว่างบุคคล(Interpersonal skills) เป็นอย่างมากทำให้ที่นี่เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับบุคคลที่มองหาความเจริญก้าวหน้าทางสังคมและสภาพแวดล้อมที่คอย สนับสนุนซึ่งกันและกัน

เนื่องจากที่นี่เป็นที่รวบรวมผู้คนมากมายที่มีความโดดเด่นและประสบความสำเร็จสูง ทำให้บรรยากาศในการเรียนนั้นดูแล้วน่าจะเต็มไปด้วยการแข่งขัน แต่ว่าจริงๆ แล้วการเรียนที่นี่ไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้น Kellogg มีวัฒนธรรมพิเศษที่ไม่เหมือนโรงเรียนอื่นๆ ในการสัมภาษณ์ที่เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสมัครนั้นจะเน้นมุมมองส่วนบุคคล (Personal aspect) มากกว่าโรงเรียนอื่น อัตราการรับนักศึกษาเข้าเรียนของ Kellogg อยู่ที่ประมาณ 26%

หลายๆ คนจะมอง Kellogg ว่าเป็นหลักสูตรที่เน้นด้านบริหารการตลาดเป็นหลักอย่างเดียว ซึ่งนั่นก็เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง เนื่องจากที่นี่มีหลักสูตรด้านการตลาดที่ยอดเยี่ยมจริงๆ แต่เมื่อมองหลักสูตร MBA ในภาพรวมแล้ว ที่นี่ก็เพียบพร้อมไปด้วยความเป็นเลิศในทุกด้านของหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นรายวิชาหลักและวิชาย่อยเป้าหมายของที่นี่คือต้องการให้นักศึกษาทุกคนเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้และมีความเพียบพร้อมสำหรับการเป็นผู้บริหารและนักธุรกิจที่ยอด เยี่ยมในอนาคต

Kellogg เน้นการเรียนการสอนผ่านการแบ่งปันประสบการณ์ที่หลากหลายของนักศึกษาแต่ละคนที่มาจากต่างที่ การแบ่งปันนี้จะช่วยเสริมสร้างสังคมแห่งการทำงานร่วมกันเป็นทีมและทำให้มันฝังตัวเป็น DNA ของโรงเรียน หากคุณเป็นบุคคลที่ให้คุณค่ากับการทำงานร่วมกันเป็นทีม ทักษะการสื่อสารระหว่างบุคคล และชื่นชอบสังคมที่มีความใกล้ชิดทั้งในหมู่นักศึกษาและอาจารย์ Kellogg น่าจะเป็นโรงเรียนที่เหมาะสมกับคุณ

Kellogg มองหาอะไรในตัวผู้สมัคร MBA?

เหมือนกันกับโรงเรียนธุรกิจชั้นนำที่อื่นๆ Kellogg มองหาผู้สมัคร MBA ที่มีความหลากหลายและได้รับความสำเร็จจากประสบการณ์ที่ผ่านมา คุณ Beth อดีตผู้อำนวยการคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครของ Kellogg และหนึ่งในที่ปรึกษาของ SBC ให้ข้อมูลว่า “คณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครของ Kellogg จะพิจารณาผู้สมัครแบบองค์รวม”

“พวกเขาจะพิจารณาประวัติการทำงานของผู้สมัครอย่างละเอียด เพื่อจะดูให้เห็นถึงความก้าวหน้าในอาชีพการงานของผู้สมัคร ผู้สมัครเคยได้รับการเลื่อนตำแหน่งในที่ทำงานหรือไม่ เมื่อเทียบกันกับบุคคลอื่นๆ ที่อยู่ในช่วงอายุเดียวกัน ผู้สมัครคนนั้นมีความก้าวหน้าโดดเด่นกว่าคนอื่นหรือไม่ นอกจากนั้นพวกเขาจะพิจารณาถึงเป้าหมายและสิ่งที่ผู้สมัครให้คุณค่าทางวิชาชีพเป็นพิเศษ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้สมัครนั้นๆ มีภาพหรือแผนที่ชัดเจนของตนเองในการที่จะไปถึงเป้าหมายในอนาคตให้ได้”

โดยทั่วไป Kellogg จะพิจารณาคุณสมบัติของผู้สมัครจากปัจจัยไม่กี่อย่าง สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยคือความเป็นเลิศทางวิชาการ ซึ่งสามารถแสดงให้เห็นจากเกรดเฉลี่ยจากประวัติการศึกษาที่ผ่านมา โดยเฉพาะผลการศึกษาในรายวิชาที่เกี่ยวข้องกับการคำนวณ ตลอดจนคะแนน GMAT หรือ GRE ที่ยอดเยี่ยม เพื่อให้มั่นใจว่าผู้สมัครมีความเชี่ยวชาญในทักษะการคิดวิเคราะห์

Kellogg ให้คุณค่ากับพื้นหลังทางวิชาชีพที่หลากหลายของนักศึกษา รวมถึงศักยภาพในการเป็นผู้นำและความมุ่งมั่นที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม การทำงานเป็นทีมและการให้ความร่วมมือระหว่างกันก็เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง ผู้สมัครจะต้องสามารถแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตนเองในการที่จะช่วยเสริมสร้าง Kellogg ให้มีสภาพแวดล้อมในการเรียนรู้ที่เต็มไปด้วยความร่วมมือระหว่างกัน

ท้ายที่สุดคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครจะพยายามรวบรวมนักศึกษาที่มาจากภูมิหลังอันหลากหลายเข้ามาอยู่ในชั้นเรียนเดียวกันให้ได้มากที่สุด เพื่อให้โอกาสในการเข้าศึกษาต่อของผู้สมัครมีความเท่าเทียมกัน

สถิติของ Kellogg

  • ใบสมัครที่ได้รับในปี 2022-2023: 4,187
  • จำนวนนักศึกษาที่ได้รับการคัดเลือกและจะจบการศึกษาในปี 2025: 529
  • สัดส่วนนักศึกษาเพศหญิง 48%
  • สัดส่วนนักศึกษาต่างชาติ 39%
  • ประสบการณ์การทำงานเฉลี่ย: 5 ปี
  • ค่าเฉลี่ยของคะแนน GMAT: 731
  • ค่าเฉลี่ยของคะแนน GRE (V&Q): 163/163
  • อันดับของหลักสูตร MBA ที่ดีที่สุดในโลกที่จัดอันดับโดย US News & World Report ปี 2023-2024: 2

MIT Sloan School of Management

Sloan เป็นโรงเรียนที่มีหลักสูตรในการผสมผสานโลกของนวัตกรรม เทคโนโลยี เข้ากับโลกของการบริหารธุรกิจได้อย่างลงตัว ที่นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับบุคคลที่มีความมุ่งมั่นจะเป็นผู้นำในโลกของเทคโนโลยี  ตัวโรงเรียนเน้นส่งเสริมทักษะในการคิดวิเคราะห์ ส่งเสริมมุมมองในการเป็นผู้ประกอบการ ทำให้หลักสูตรมีความน่าสนใจและดึงดูดบุคคลที่มีความมุ่งมั่นจะเป็นผู้นำธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในแวดวงเทคโนโลยี

MIT Sloan มีอัตราการรับนักศึกษาเข้าเรียนอยู่ที่ประมาณ 14% ถือได้ว่าเป็นกระบวนการรับสมัครที่มีการแข่งขันที่สูง แต่ถึงแม้จะมีอัตราการแข่งขันที่สูง ที่นี่ก็ยังให้ความสำคัญมากกับความสามารถในการทำงานร่วมกัน ซึ่งสอดคล้องกับจุดเด่นของโรงเรียนที่เน้นในการสร้างนวัตกรรมและการบริหารจัดการจัดการเทคโนโลยี

ชั้นเรียนของที่นี่มีขนาดปานกลาง โดยชั้นเรียนหนึ่งๆ จะมีนักศึกษาอยู่ที่ประมาณ 486 คน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมสภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมในการเรียนการสอนให้มีชีวิตชีวาและเสริมสร้างให้เกิดปฏิสัมพันธ์เชิงโต้ตอบ (interactive) ระหว่างกันได้เป็นอย่างดี หากคุณมองเห็นตัวเองอยู่ในจุดที่มีส่วนร่วมกันชัดเจนระหว่างโลกของธุรกิจและแวดวงเทคโนโลยี MIT Sloan เป็นสถานที่ที่จะเปรียบเสมือนสนามทดลองให้คุณในการเติมเต็มความมุ่งมั่นและความปรารถนาของคุณให้กลายมาเป็นความ จริงได้

MIT Sloan มองหาอะไรในตัวผู้สมัคร MBA?

MIT Sloan มองหาผู้สมัครที่สามารถแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัว ผู้สมัครต้องสามารถนำเสนอวิธีการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน และปรับตัวได้ดีต่อสถานการณ์ที่มีความไม่ชัดเจน ที่นี่ให้คุณค่ามากกับความคิดที่เปิดกว้างเป็นอิสระ รวมถึงให้ค่าความมีมนุษยธรรม และการเห็นอกเห็นใจผู้อื่นอีกด้วย แน่นอนว่าการเป็นบุคคลที่มีความเป็นเลิศทั้งการศึกษาและวิชาชีพเป็นสิ่งสำคัญที่ Sloan มองหา แต่การแสดงให้เห็นได้ถึงการเป็นพลเมืองดีที่มีทัศนคติเชิงบวกต่อมุมมองในมิติต่างๆ ก็เป็นสิ่งสำคัญด้วยเช่นกัน

นักศึกษาทุกคนที่นี่ล้วนแต่มีความเป็นเลิศทางวิชาการ ซึ่งสามารถแสดงให้เห็นผ่านผลการศึกษาที่ผ่านมา รวมถึงการมีคะแนน GMAT หรือ GRE ที่ยอดเยี่ยม Sloan ให้คุณค่ากับผู้ที่มีความสามารถในการทำงานเป็นทีมมาก ที่นี่มองข้ามความสำเร็จส่วนบุคคลไปหาความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากการทำงานเป็นทีม ไม่ว่าคุณจะอยู่ในบทบาทใดของทีม คุณต้องมั่นใจว่าคุณเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการนำพาทีมไปสู่ความสำเร็จจนได้

นวัตกรรมยังเป็นส่วนที่สำคัญในกระบวนการคัดเลือก นอกเหนือจากความรู้สามารถเชิงเทคนิคของผูัสมัครแล้ว ผู้สมัครต้องสามารถแสดงให้เห็นถึงการมีความคิดสร้างสรรค์และความสามารถในการพัฒนาความคิดให้เกิดขึ้นได้จริง  MIT Sloan มองหาบุคคลที่พร้อมจะทลายขีดจำกัดของตนเอง และพร้อมในการส่งเสริม สนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมด้านที่ตนเองสนใจ

ท้ายที่สุด คณะกรรมการคัดเลือกนักศึกษาเข้าเรียนของ MIT Sloan ต้องการผู้สมัครที่สามารถแสดงให้พวกเขาเห็นได้จริงถึงความหลงใหลและความมุ่งมั่นที่จะสามารถอุทิศทุกสิ่งอย่างเพื่อนำไปสู่จุดมุ่งหมายทางวิชาชีพของพวกเขาอย่างแท้จริง

สถิติของ MIT Sloan

  • ใบสมัครที่ได้รับในปี 2022-2023: 5,349
  • จำนวนนักศึกษาที่ได้รับการคัดเลือกและจะจบการศึกษาในปี 2025: 409
  • สัดส่วนนักศึกษาเพศหญิง 46%
  • สัดส่วนนักศึกษาต่างชาติ 40%
  • ประสบการณ์การทำงานเฉลี่ย: 5 ปี
  • ค่าเฉลี่ยของคะแนน GMAT: 730
  • อันดับของหลักสูตร MBA ที่ดีที่สุดในโลกที่จัดอันดับโดย US News & World Report ปี 2023-2024: 4

สรุปแล้วโรงเรียนไหนใน M7 ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเรา?

จะเห็นได้ว่าแต่ละโรงเรียนในกลุ่ม M7 จะมีสภาพแวดล้อม วัฒนธรรม ตลอดจนจุดแข็งที่แตกต่างกันออกไป

ไม่ว่าจะมองหาสภาพแวดล้อมที่มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน หรือมีความสนใจในความใกล้ชิดกันระหว่างเครือข่ายนักศึกษา หรือมองหาสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาและการแข่งขันที่ท้าทาย ก็ตาม เราก็จำเป็นจะต้องต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งถึงวัฒนธรรมของแต่ละโรงเรียนซะก่อน

นอกจากนั้น เราต้องเข้าใจตัวเองจริงๆ ค่อยๆ ใช้เวลาในการคิดถึงความมุ่งมั่นและตั้งเป้าหมายในอนาคต มองภาพตนเองในอนาคตให้ชัดเจน จากนั้นค่อยกลับมาพิจารณาถึงจุดเด่นของโรงเรียนแต่ละแห่ง ดูว่าที่ไหนถึงจะสามารถตอบโจทย์ความเป็นตัวตนของเราได้มากที่สุด เมื่อค่อยๆ พิจารณาแล้ว เราก็จะสามารถหาโรงเรียน MBA ที่เหมาะสมที่สุดกับตัวเองได้ อย่าลืมว่าจุดเริ่มต้นเป็นสิ่งสำคัญมาก จงใช้เวลาในการเลือกโรงเรียนให้ดีที่สุด โรงเรียนไม่เพียงจะทำให้เรามีความเป็นเลิศด้านการศึกษาและวิชาชีพเท่านั้น แต่ยังให้เราได้รับประสบการณ์เรียน MBA ที่น่าจดจำไปตลอดอีกด้วย

ที่มา: https://www.stacyblackman.com/blog/m7-business-schools


รับเคล็ดลับเรียนต่อฟรี ส่งถึงมือทุกสัปดาห์ 

น้องๆที่จะสมัคร ไปเรียนต่อ MBA หรือ Master’s Degree สายอื่น อย่าพลาด
ปรึกษาฟรี!!!! คลิกเลย FREE CONSULTATION
ฟังเรื่องราวความสำเร็จของนักเรียน MTU คลิกเลย

บทความที่เกี่ยวข้อง

TopUTalk EP01: เรียน MBA ทำไม l เรียน MBA ดีมั้ย?

เรียน MBA แล้วได้อะไร เรียน MBA ดีมั้ย อยากเปลี่ยนสายงาน อยากได้ประสบการณ์ใหม่ มาฟังใน Podcast นี้กันค่ะ ครูพี่เจส ภัคศิกร ทับทิมทอง อดีต Admissions Committee ที่ Kellogg, Northwestern University และเป็นผู้บริหารบริษัท Mission To Top

Read More »

EP170 Winning Essay Secrets: Short Term Goals

จะเขียน Short-Term Goal ลงใน Essay อย่างไรให้มีความโดดเด่น? Winning Essay Series ใน Kru P’Jess Podcast วันนี้ มีคำแนะนำดีๆ มาให้น้องๆ ฟังกันค่ะ ครูพี่เจส ภัคศิกร ทับทิมทอง อดีต Admissions Committee ที่ Kellogg,

Read More »

EP139: การวิเคราะห์ Covid-19 แบบคนจะสอบ GMAT

สถาณการณ์ Covid-19 เป็นอย่างไร หากเราเอาหลักของ GMAT มาช่วยวิเคราะห์ มาฟังกันค่ะ ครูพี่เจส ภัคศิกร ทับทิมทอง อดีต Admissions Committee ที่ Kellogg, Northwestern University และเป็นผู้บริหารบริษัท Mission To Top U TopU Talk The

Read More »
Scroll to Top