1.มีแพลนเนอร์เป็นของตัวเอง
เพื่อกำหนดเป้าหมายคะแนน ระยะเวลาในการอ่าน และค้นหาว่าหนังสือเล่มใดที่ดี
2.ประเมินเวลาในการอ่านหนังสือของตัวเอง
เพื่อให้เรารู้ว่าถนัดอ่านหนังสือในเวลาไหนของวัน
3.เขียนตารางเวลาอ่านหนังสือ
กำหนดเวลาว่าในแต่ละวันจะทำอะไรบ้าง
4.เลือกวันพักผ่อนให้กับตัวเอง
เพื่อเป็นวันผ่อนคลายร่างกาย สมอง และไปทำธุระจำเป็น
5.บอกกับคนรอบข้างว่า ‘เรากำลังเตรียมตัวสอบ’
เพื่อให้คนรอบข้างเข้าใจว่าเราอาจจะไม่สะดวกไปร่วมงานหรือกิจกรรมต่างๆ รวมไปถึงการได้รับกำลังใจดีๆ
6. หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เสียเวลา
เพื่อให้มีเวลาในการอ่านหนังสือเพิ่มมากขึ้น
7. แบ่งเนื้อหาที่ต้องอ่านเป็น 2 ส่วน
แบ่งเป็นเนื้อหาที่ต้องเรียนรู้ใหม่ และเนื้อหาที่ต้องทบทวน เพื่อจัดการเวลาในการอ่านให้ลงตัว
8.รู้ประสิทธิภาพในการเรียนรู้ของตัวเอง
ต้องรู้ตัวเองว่าอ่านที่ไหนแล้วมีสมาธิ
9.หาเพื่อนร่วมทางในการอ่านหนังสือ
เพื่อมีคนให้คำปรึกษาและเป็นแรงกระตุ้น
10. ความมั่นคงกับแผนตัวเองอย่างสม่ำเสมอ
มีวินัยกับแผนในข้อ 1-9
เบื้องหลังความสำเร็จของคนในวัยทำงานแบบ full-time นั้น ไม่ได้อยู่ที่ความเก่งเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่การวางแผน ซึ่งทางเราจะมาแนะนำถึงเคล็ดลับการวางแผน การบริหารเวลาเพื่อเตรียมตัวสอบ GMAT GRE สำหรับคนที่ต้องทำงาน เพื่อให้คะแนนของทุกคนบรรลุถึงเป้าหมายมหาลัยในฝันให้ได้ รวมไปถึงนำไปปรับใช้กับการสอบ IELTS TOEFL และอื่น ๆ ได้อีกเช่นเดียวกัน
1.มีแพลนเนอร์เป็นของตัวเอง
โดยในแพลนต้องมี 3 สิ่ง คือ
โดยประเมินจากความสามารถของตัวเราเอง ว่าควรใช้เวลาเท่าไหร่ในการเตรียมตัวสอบ เช่น ครูพี่เจสเองใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือนในการสอบ GMAT/ GRE เป็นต้น แล้วแต่ว่าเรามีความถนัดด้านคำนวณและด้านภาษามากน้อยแค่ไหน ถ้าเป็น IELTS TOEFL ควรใช้ระยะเวลาสัก 2-3 เดือน รวมไปถึงจดรายการที่ต้องอ่านในการสอบนั้นๆ เพื่อมาทบทวน
โดยเราอาจจะไปค้นหาได้ว่าหนังสือในแต่ละด้านที่เราต้องสอบนั้น เล่มไหนดัง เล่มไหนดี เพื่อให้เรามีหนังสือที่ดีมีคุณภาพในการอ่าน
2.ประเมินเวลาในการอ่านหนังสือของตัวเอง
ประเมินว่าเราถนัดอ่านหนังสือในช่วงเวลาไหนมากที่สุด ตอนไหนอ่านแล้วมีสมาธิ สามารถจดจำได้ดี ข้อนี้สำคัญมาก เพื่อกำหนดช่วงเวลาในการอ่านหนังสือให้เป็นกิจวัตรประจำวัน
3.เขียนตารางเวลาอ่านหนังสือ
จะเขียนลงในไดอารี่ ในปฎิทิน ว่าตอนเช้าทำอะไรบ้าง บ่ายทำอะไรบ้าง เพื่อให้ชีวิตเป็นระเบียบมากขึ้น และให้ตัวเรารู้เวลาของตัวเอง เผื่อหากมีธุระ ตอนเวลาอ่านหนังสือที่เรากำหนด เราจะได้รู้ว่ามันทำไม่ได้ เพราะเราอยู่ในเวลาอ่านหนังสือ
4.เลือกวันพักผ่อนให้กับตัวเอง
ข้อนี้สำคัญอย่างยิ่งอีกเช่นกัน สำหรับคนทำงาน full-time เพราะควรมีวันพักผ่อน 1-2 วัน เพื่อพักผ่อนร่างกายและสมอง หรือใช้เวลานี้ไปทำธุระจำเป็น
5.บอกกับคนรอบข้างว่า ‘เรากำลังเตรียมตัวสอบ’
คุยกับคนสนิท คนรอบตัว ให้รู้ไว้ว่าเรากำลังเตรียมตัวสอบ เพราะหากคนรอบข้างไม่รู้ หรือไม่เข้าใจ อาจทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาจนส่งผลกระทบต่อการสอบได้
6. หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เสียเวลา
เราต้องหาเวลาให้ตัวเอง เพื่อให้มีเวลาในการอ่านหนังสือมากขึ้น อย่างเช่น ซื้ออาหารมาทานโดยใช้บริการ grab แทนการทำอาหารที่ต้องเสียเวลา 1-2 ชม. ใช้เวลาเล่นอินเตอร์เน็ตให้น้อยๆ หรือทบทวนหนังสือบน BTS หรือบนรถ เมื่อต้องเดินทางเป็นเวลานาน เป็นต้น
7. แบ่งเนื้อหาที่ต้องอ่านเป็น 2 ส่วน
แบ่งว่าส่วนไหนต้องเรียนรู้ใหม่ และส่วนไหนเป็นส่วนที่เราต้องทบทวน โดยเนื้อหาที่ต้องเรียนรู้ใหม่จะใช้เวลาค่อนข้างเยอะ เช่น 1-2 ชม. ส่วนเนื้อหาที่เราต้องทบทวน อาจใช้เวลา 15-30 นาที ซึ่งเราสามารถทบทวนได้ในช่วงเวลาว่างๆ นั่นเอง
8.รู้ประสิทธิภาพในการเรียนรู้ของตัวเอง
เพื่อการอ่านหนังสืออย่างมีประสิทธิภาพ เราควรรู้ตัวเองก่อนว่าอ่านหนังสือที่ไหนแล้วมีสมาธิ เช่น ร้านหนังสือ ร้านกาแฟ หรือบ้าน
9.หาเพื่อนร่วมทางในการอ่านหนังสือ
เราจะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า หากมี partner ในการอ่านหนังสือ เพื่อให้มีคนแชร์กำลังใจ แชร์ว่าวันนี้อ่านไปแล้วมากน้อยแค่ไหน จะทำให้เรามีแรงกระตุ้นแรงผลักดันในการอ่านมากขึ้น แถมยังมีคนให้คำปรึกษาอีกด้วย
10. ความมั่นคงกับแผนตัวเองอย่างสม่ำเสมอ
ความสม่ำเสมอในที่นี้ คือความมั่นคงกับแผนตัวเองในข้อ 1-9 ที่ครูพี่เจสได้พูดมา ถ้าหากทำได้ รับรองมหาลัยชั้นนำ ของโลกอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน
Schedule a 15-min call to get your questions answered by admissions experts