How to Choose a Reliable Study Abroad Advisor ถ้าจะไปเรียนต่อต่างประเทศ สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งก็คือการเลือกที่ปรึกษาที่ไว้ใจได้และมีคุณภาพนะคะ เพราะที่ปรึกษาจะคอยให้คำแนะนำ ช่วยเหลือทุกขั้นตอน ตั้งแต่การสมัครไปจนถึงเรื่องวีซ่า ที่พัก และการปรับตัวในต่างแดน
แต่จะเลือกที่ปรึกษายังไงดีล่ะ? วันนี้เรามีแนวทางดีๆ มาฝากกันค่ะ ลองมาดูกันเลยว่ามีวิธีไหนน่าสนใจบ้าง รับรองว่าถ้าทำตามนี้ จะได้ที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ เชี่ยวชาญ และพร้อมดูแลเราทุกเรื่องแน่นอน เรามาเริ่มกันเลยนะคะ
เวลาจะเลือกที่ปรึกษาเรียนต่อนะคะ สิ่งแรกเลยที่ต้องดูให้ดีคือเรื่องประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ อย่างน้อยเขาควรจะทำงานด้านนี้มาแล้วประมาณ 3-5 ปี จะได้มั่นใจได้ว่ามีความรู้จริง เข้าใจลึก พร้อมให้คำแนะนำเราได้ทุกเรื่องเลย นอกจากนี้ ที่ปรึกษาควรมีความรู้เฉพาะทางเกี่ยวกับประเทศและมหาวิทยาลัยที่เราสนใจด้วยนะคะ เพราะถ้ารู้ลึกเจาะลึกขนาดนั้น ก็จะยิ่งช่วยเหลือเราได้มากขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาไปค้นหาข้อมูลให้วุ่นวาย
พอเรื่องประสบการณ์โอเคแล้ว อีกอย่างที่อยากเน้นย้ำเลยคือ อย่าลืมถามเรื่องค่าบริการให้ชัดเจนด้วยนะคะ ที่ปรึกษาที่ดีเขาจะแจกแจงค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้เราเห็นอย่างโปร่งใส เป็นธรรม ดังนั้นเราควรสอบถามจากหลายๆ ที่ แล้วเอามาเปรียบเทียบกันดู
เวลาเจรจาตกลงค่าบริการเรียบร้อยแล้ว อย่าลืมขอดูแผนการทำงานของที่ปรึกษาด้วยนะคะ เขาวางแผนอะไรไว้บ้าง มีขั้นตอนอะไรที่ต้องทำ แต่ละขั้นตอนใช้เวลาประมาณเท่าไหร่ ถ้าที่ปรึกษาวางแผนมาอย่างดี มีกำหนดการชัดเจน ละเอียด เราก็จะค่อนข้างมั่นใจได้ว่าทุกอย่างน่าจะไปได้สวย ไม่มีปัญหาอะไรระหว่างทางแน่ๆ
อีกเรื่องสำคัญมากๆ เลย คือการให้ข้อมูลและคำแนะนำของที่ปรึกษานะคะ เราต้องสังเกตให้ดีว่า เขาให้ข้อมูลเรา ตอบคำถามเรา ครบถ้วนชัดเจนรึเปล่า พูดอะไรออกมาดูสมเหตุสมผลดีมั้ย ที่ปรึกษาที่เก่งๆ เขาจะต้องพูดความจริงตรงๆ ไม่บิดเบือนข้อมูลหรือปิดบังอะไร แต่จะเปิดเผยทุกอย่างตามตรง เพื่อให้เราประกอบการตัดสินใจได้อย่างรอบด้านที่สุด
ก่อนจะตกลงใช้บริการที่ปรึกษานะคะ อย่าลืมแวะเข้าไปตรวจสอบความน่าเชื่อถือของบริษัทเขาสักหน่อย ลองหาข้อมูลจากเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดียดู มีใครเคยรีวิวประสบการณ์การใช้บริการบ้างมั้ย เขาบอกว่ายังไงบ้าง มีจุดเด่นหรือข้อควรระวังอะไรมั้ย เราก็เอามาเปรียบเทียบพิจารณาดู หรือจะสอบถามคนในวงการก็ได้ว่า บริษัทนี้เป็นยังไง มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับมากน้อยแค่ไหน พูดคุยกับรุ่นพี่เพื่อขอข้อมูลเจาะลึกเพิ่มเติมจากประสบการณ์จริงก็จะช่วยได้เยอะเลย
สุดท้ายเลยนะคะ สิ่งที่เราห้ามมองข้ามเด็ดขาดคือเรื่องการบริการหลังจากสมัครเรียนไปแล้ว ที่ปรึกษาที่ดีจะต้องไม่ทิ้งเราหลังจากขั้นตอนสมัครจบ แต่จะยังต้องคอยติดตาม ให้คำแนะนำเราเรื่องต่างๆ ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเตรียมเอกสารขอวีซ่า หาที่พัก หรือช่วยแก้ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างไปเรียน ถ้าเลือกที่ปรึกษาที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างดูแลเราไปตลอดแบบนี้ รับรองว่าชีวิตเราจะสบายและง่ายขึ้นเยอะเลยล่ะค่ะ
ในการเลือกที่ปรึกษาเพื่อไปเรียนต่อเมืองนอกนั้น เราจำเป็นต้องคิดพิจารณาหลายๆ ด้านมากๆ ทั้งเรื่องประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ ค่าบริการ การวางแผน ความชัดเจนของข้อมูล ความน่าเชื่อถือ และที่ขาดไม่ได้เลยคือการดูแลหลังการสมัคร ถ้าเราเช็คทุกข้อให้ครบ เจอที่ปรึกษาที่โดนใจ เราจะมั่นใจได้เลยว่าจะได้รับบริการชั้นเยี่ยม ได้รับการดูแลอย่างดีตลอดทุกขั้นตอน การไปเรียนต่อก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายและราบรื่นแน่นอน หวังว่าข้อมูลพวกนี้จะมีประโยชน์กับทุกคนนะคะ ถ้ามีอะไรสงสัยหรืออยากขอคำแนะนำเพิ่มเติม ยินดีให้คำปรึกษาเต็มที่เลยค่ะ
รับเคล็ดลับเรียนต่อฟรี ส่งถึงมือทุกสัปดาห์ 
น้องๆที่จะสมัคร ไปเรียนต่อ MBA หรือ Master’s Degree สายอื่น อย่าพลาด
ปรึกษาฟรี!!!! คลิกเลย FREE CONSULTATION
ฟังเรื่องราวความสำเร็จของนักเรียน MTU คลิกเลย
เล่าสู่กันฟัง สิ่งที่ได้จากการเป็นโค้ชสอน Design Thinking การแก้ปัญหาแบบ d.School ที่ Standford ครูพี่เจส ภัคศิกร ทับทิมทอง อดีต Admissions Committee ที่ Kellogg, Northwestern University และเป็นผู้บริหารบริษัท Mission To Top U TopU Talk
Group interview Wwharton Pprocess เป็นยังไง? Group interview Wwharton Pprocess เป็นยังไง? คำถามเป็นแบบไหน? ต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง? พี่ๆสรุปมาให้แล้ว มาดูไปพร้อมกันเลยค่ะ โดยปกติแล้วการสัมภาษณ์ MBA จะแบ่งเป็น 3 รูปแบบ คือ การสัมภาษณ์กับ Admission Committee การสัมภาษณ์กับ Alumni
สัมภาษณ์นักเรียน MBA Tepper มาฟังใน Podcast นี้กันค่ะ ครูพี่เจส ภัคศิกร ทับทิมทอง อดีต Admissions Committee ที่ Kellogg, Northwestern University และเป็นผู้บริหารบริษัท Mission To Top U TopU Talk The Podcast
Schedule a 15-min call to get your questions answered by admissions experts
