11 ขั้นตอนเตรียมสมัคร MBA Round 1

1.เดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายน

  • จัดการคะแนนสอบ GMAT หรือ GRE ให้เรียบร้อย
  • ตรวจสอบว่าต้องใช้ IELTS หรือ TOEFL หรือไม่
  • ทำกิจกรรมอาสาที่มีประโยชน์ให้ต่อเนื่อง
  • เยี่ยมชมมหาลัย

2.เดือนมิถุนายน

  • ดูว่ามีการเลื่อนตำแหน่งหรือโอกาสใหม่ๆ หรือไม่
  • ปรับแต่ง Resume
  • หาคนปรึกษาเพื่อรับคำแนะนำ
  • เริ่มคิดถึงเป้าหมาย เพื่อตอบให้ได้ว่าไปเรียนเพื่ออะไร
  1. 3. เดือนกรกฎาคม
  • วางแผนเลือกสมัครมหาลัยในรอบ 1 หรือรอบ 2
  • เริ่มเขียน Essay
  1. 4. เดือนสิงหาคมถึงกันยายน
  • นำ Essay ไปให้คนอื่นอ่านเพื่อรับฟังคำแนะนำ

 

สำหรับน้องๆ ที่ต้องการสมัคร Master Degree หรือ MBA ของ Top U แล้วไม่รู้ว่าจะเตรียมตัวอย่างไรดี เพราะมีขั้นตอนหลายอย่างในการสมัคร อีกทั้งน้องๆ บางคนยังต้องการสมัครให้ทันรอบแรกที่จะเปิดรับในช่วงเดือนกันยายนอีก บทความนี้ได้สรุปว่าน้องๆ ควรทำอะไรในช่วงเวลาไหนไว้แล้ว ดังนี้

1.เดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายน

  • จัดการคะแนนสอบ GMAT หรือ GRE ให้เรียบร้อย

พี่เจสแนะนำให้น้องๆ เริ่มอ่าน GMAT หรือ GRE ไว้เลย และควรเริ่มสอบตอนเดือนมิถุนายน เมื่อผลคะแนนออกมาเราจะได้รู้ว่ามันดีหรือแย่ ต้องสอบใหม่หรือไม่ โดยวัดจากการนำเอาคะแนนตัวเองไปเปรียบเทียบกับคะแนนเฉลี่ยของมหาลัย ถ้าต่ำกว่าคะแนนเฉลี่ยมากๆ จะได้มีเวลาเตรียมตัวสอบใหม่เพื่อเพิ่มคะแนนได้อีก 3 – 4 เดือน ก่อนหมดเขตการรับสมัครรอบแรก

  • ตรวจสอบว่าต้องใช้ IELTS หรือ TOEFL หรือไม่

น้องๆ ควรตรวจสอบคุณสมบัติของตนเองกับมหาลัยว่าต้องสอบ IELTS หรือ TOEFL หรือไม่ เพื่อที่จะได้ไม่พลาดขาดคุณสมบัติในการสมัครไป

  • ทำกิจกรรมอาสาที่มีประโยชน์ให้ต่อเนื่อง

เพื่อเพิ่มความโดดเด่นของเราให้แตกต่างจากคนอื่นมากยิ่งขึ้น โดยต้องมองดูตัวเราเองก่อนว่าเราชอบกิจกรรมอะไร หรือมีสิ่งไหนที่เราพอทำได้บ้าง

  • เยี่ยมชมมหาลัย

ถ้าน้องมีเวลาว่าง หรือบังเอิญไปเที่ยวในเมืองเดียวกันกับมหาลัยที่สนใจ พี่เจสแนะนำให้ไปเยี่ยมชมมหาลัย เพื่อให้มั่นใจว่าตัวเองเหมาะกับที่มหาลัยนี้จริงๆ และน้องๆ ก็สามารถนำความประทับใจตอนไปเยี่ยมชมมาเขียนลงใน Essay ได้อีกด้วย

2.เดือนมิถุนายน

  • ดูว่ามีการเลื่อนตำแหน่งหรือโอกาสใหม่ๆ หรือไม่

เนื่องจากหลายบริษัทจะมีการเลื่อนตำแหน่งในช่วงกลางปี หรือไม่ก็มีโปรเจคใหม่ๆ เข้ามา น้องๆ ก็ควรจะไปขอทำโปรเจคที่ท้าทายและได้ริเริ่มสิ่งใหม่ๆ ซึ่งน้องสามารถนำเรื่องการเลื่อนตำแหน่งหรือการทำโปรเจคที่ท้าทายนี้มาเขียนในส่วน Job achievement ได้

  • ปรับแต่ง Resume

ก่อนอื่นเลย พี่เจสอยากบอกไว้ก่อนว่า Resume ในการสมัครงาน และการสมัครเข้ามหาลัยนั้นแตกต่างกันค่อนข้างมาก น้องๆ จึงต้องปรับแต่ง Resume ให้เหมาะสมกับมหาลัยและโปรแกรมที่ต้องการเรียนให้ได้มากที่สุด

  • หาคนปรึกษาเพื่อรับคำแนะนำ

จะเป็นหัวหน้า ลูกค้า หรือคนรอบตัวของเราก็ได้ เพื่อให้ตรวจสอบดูว่าเรายังขาดอะไรไปหรือเปล่า อีกอย่างถ้าเป็น Master Degree ที่ Top U นั้น ทางมหาลัยอาจขอจดหมายรับรองจากอาจารย์ ซึ่งน้องๆ ก็ควรขอแต่เนิ่น ๆ เพราะอาจารย์นั้นมักยุ่งและไม่ว่างเขียนให้ภายในเวลาอันสั้น

  • เริ่มคิดถึงเป้าหมาย เพื่อตอบให้ได้ว่าไปเรียนเพื่ออะไร

คำถามสุดแสนจะเบสิคที่มักพบเจอ คือ “ ทำไมอยากเรียนที่นี่” ดังนั้น น้องๆ ควรจะศึกษาโปรแกรมที่สนใจให้ดี จาก website ก็ได้ คุยกับศิษย์เก่าก็ได้ หรือจะไป visit มหาลัยก็ได้ ว่าโปรแกรมสามารถทำให้น้องๆ ต่อยอดกับอาชีพที่อยากทำหลังจากเรียน Top U ได้อย่างไร

3. เดือนกรกฎาคม

  • วางแผนเลือกสมัครมหาลัยในรอบ 1 หรือรอบ 2

วางแผนรอบสุดท้ายในการเลือกมหาลัยให้มั่นใจและแน่นอน ว่ามหาลัยนี้เหมาะกับคุณ อาชีพของคุณ รวมไปถึงไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน และตัดสินใจว่าจะสมัครมหาลัยใดบ้างในรอบ 1 และรอบ 2

  • เริ่มเขียน Essay

การเขียน Essay นั้นไม่ใช่เพียงแค่อาทิตย์เดียวก็ทำเสร็จ จำเป็นต้องใช้ระยะเวลานาน 2 ถึง 3 เดือนเป็นอย่างน้อย เพราะบางมหาลัยอาจจำกัดจำนวนคำเขียน จึงทำให้เราต้องกรั่นกรอง และวางแผนว่าจะเขียนอะไรลงไปให้ดีที่สุดภายใต้ข้อจำกัดเหล่านี้

4. เดือนสิงหาคมถึงกันยายน

  • นำ Essay ไปให้คนอื่นอ่านเพื่อรับฟังคำแนะนำ

ทำให้น้องรู้ว่าในเรียงความนี้ยังขาดอะไรไปบ้าง ต้องปรับจุดไหน และไม่โอเคอย่างไร โดยการให้คนอื่นเป็นผู้แนะนำ

*As we respect our students’ privacy, some pictures and names might be replaced to protect their identities.

Hear from our students

Looking for an Expert Advice?

Schedule a 15-min call to get your questions answered by admissions experts

Our Office

188 Spring Tower, 11th Floor, Phayathai Rd.
Thung Phayathai, Ratchathewi, Bangkok 10400
BTS Ratchathewi Exit 3, BTS Phayathai
Call: 086-9924159

Scroll to Top